บทที่ 85
การเตรียมของขวัญเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความคิดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้รับของขวัญเป็นคนที่มั่งคั่งร่ำรวยมหาศาลยิ่งกว่าใครๆ ในแคว้นเสียอีก เว่ยเหลิ่งเหยามีสมบัติล้ำค่าหายากอยู่ทุกหนทุกแห่ง ที่จวนก็มีอนุอ่อนเยาว์รูปโฉมงดงามเต็มไปหมด คนเช่นนี้ยังจะขาดอะไรได้อีกเล่า
หลังจากเนี่ยชิงหลินกลับถึงตำหนักเฟิ่งฉูแล้ว นางก็เริ่มม้วนปอยผมเล่นอย่างกลัดกลุ้มเมื่อเห็นของที่ซั่นหมัวมัวรื้อออกมา สิ่งของที่ควรค่าแก่การเอาไปจำนำพวกนี้ล้วนแต่เป็นของที่ราชครูเว่ยจัดหามาให้นางจากดินแดนโพ้นทะเลทั้งสิ้น หากนางขายออกไปจริงๆ การยืมดอกไม้ถวายพระ เช่นนี้คงเป็นเรื่องไร้ยางอายของคนในราชวงศ์อย่างแน่แท้
เนี่ยชิงหลินครุ่นคิดวกไปเวียนมาอยู่หลายตลบแล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้น บังเอิญว่าเสิ่นฮองเฮามาหานางเพื่อหาอะไรทำด้วยกันเพลินๆ เป็นการฆ่าเวลาพอดี มีนางกำนัลข้างกายถือตะกร้าใส่เครื่องมือเย็บปักถักร้อยมาด้วย ข้างในมีผ้าที่ปักค้างไว้ซึ่งเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งวางอยู่
เนี่ยชิงหลินเห็นท่าทางของเสิ่นฮองเฮาขณะกำลังนั่งร้อยด้ายปักผ้าด้วยความตั้งอกตั้งใจแล้วดวงตาก็ทอประกายขึ้นมาทันทีพลางคิดในใจว่า หากข้าสามารถปักผ้าได้ด้วยฝีมือของตนเองจนสำเร็จ คงเป็นของขวัญที่มีคุณค่าและน่าภาคภูมิใจไม่น้อย พอคิดดังนี้นางจึงสั่งให้ซั่นหมัวมัวหยิบผ้าไหมมาผืนหนึ่ง แล้วให้เสิ่นฮองเฮาช่วยวาดลวดลายลงบนผ้าให้ จากนั้นก็เริ่มฝึกปักตามลวดลายด้วยความตั้งใจ
น่าเสียดายที่องค์ชายสิบสี่แห่งต้าเว่ยนอกจากจะไม่เอาไหนในศาสตร์ทั้งหกแล้ว ทักษะการเย็บปักถักร้อยก็ยังไม่ได้เรื่องอีกต่างหาก เมื่อครั้งที่วางท่าเย็บ ‘รองเท้าอวยพร’ ด้วยท่าทางฮึกเหิมลงฝีเข็มอย่างมั่นอกมั่นใจนั้นก็ท่าดีทีเหลวไปหนหนึ่งแล้ว คราวนี้พอปักไปได้ไม่กี่เข็มก็ทำเอาเสิ่นฮองเฮาถึงกับตกตะลึงไปเลยทีเดียว กระนั้นหากนางพูดออกไปตรงๆ ก็เกรงว่าจะเป็นการหมิ่นเกียรติองค์หญิงหย่งอันซึ่งคงไม่ใคร่เหมาะสักเท่าใดนัก จึงได้แต่พูดพึมพำขึ้นว่า “ปลายเข็มแหลมคมเช่นนี้ใช้เป็นอาวุธสังหารได้เลย ในอารามชีคงห้ามไม่ให้จับเข็มเย็บปักถักร้อยเลยใช่หรือไม่”
องค์หญิงหย่งอันยิ้มเจื่อนพลางก้มมองดูผลงานของตนเอง ก่อนจะหันไปมองผลงานในมือของเสิ่นฮองเฮาซึ่งเป็นลวดลายแบบเดียวกัน แต่ปักออกมาแล้วกลายเป็นสัตว์คนละชนิดโดยแท้จริง ทำให้นางออกจะท้อใจอยู่สักหน่อย
เสิ่นฮองเฮารู้สึกว่าเกิดเป็นสตรีก็ควรมีความเชี่ยวชาญในงานเย็บปักถักร้อย การนั่งสนเข็มร้อยด้ายปักผ้าอยู่ในห้องโถงนั้นย่อมเพิ่มเสน่ห์แห่งความเป็นแม่ศรีเรือนเป็นภรรยาที่ดีมีคุณธรรมได้อย่างแน่นอน ครั้นเห็นว่าเพราะชาติกำเนิดอันพลิกผันของน้องสามีจึงทำให้นางขาดทักษะที่สำคัญและจำเป็นที่หญิงสาวพึงมีเพื่อแสดงถึงความเป็นกุลสตรีแล้วก็อดรู้สึกกังวลอยู่ในใจลึกๆ ไม่ได้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนลวดลายให้เป็นแบบง่ายๆ เพื่อให้เนี่ยชิงหลินฝึกวาดลวดลายลงบนผ้าและฝึกเย็บปักถักร้อยต่อไป
ไม่รู้ว่าช่วงนี้ราชครูเว่ยยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องอะไร จึงไม่ได้มาค้างคืนที่ตำหนักเฟิ่งฉูแห่งนี้หลายคืนติดต่อกันแล้ว แต่ก็ทำให้นางมีเวลาที่จะเย็บปักแถบรัดเอวนี้อย่างสงบ หลังจากใช้สมาธิจดจ่อตั้งใจปักมันอยู่ช่วงหนึ่ง ในที่สุดเนี่ยชิงหลินก็เงยหน้าขึ้นขยับไหล่และคอที่แข็งตึงเมื่อยล้าจากการนั่งหลังขดหลังแข็งลงมือเย็บปักอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมองดูผลงานชิ้นเอกของตนอย่างพินิจพิจารณา ใช้เวลาไปตั้งหลายวันหลายคืน สามารถปักแถบรัดเอวที่มีลวดลายเรียบร้อยงดงามออกมาเส้นหนึ่งได้สำเร็จจริงๆ ประดับด้วยไข่มุกขนาดเท่าปลายนิ้วหัวแม่มือหกเม็ดด้วยแล้วก็ถือว่างดงามเลอค่าพอตัวอยู่เหมือนกัน
เนี่ยชิงหลินวางแถบรัดเอวเส้นนั้นไว้บนโต๊ะตัวเล็ก แล้วเอียงศีรษะไปมาเมียงมองเปลี่ยนมุมไปเรื่อยเพื่อตรวจดูผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้อีกรอบหนึ่ง หากไม่สังเกตให้ดีในจุดที่เส้นด้ายหลุดออกไปแล้วล่ะก็ ลวดลายที่เลื้อยอยู่บนแถบรัดเอวก็ถือว่าเป็นมังกรวารี ‘ถอดเกล็ด’ ที่ดูสง่างามน่าเกรงขามไม่หยอกตัวหนึ่งเหมือนกัน พอดูจนหนำใจแล้วเนี่ยชิงหลินก็ทิ้งตัวลงบนตั่งนุ่มด้วยความพึงพอใจ ยกขาทั้งสองขึ้นมาไขว้กันพลางหยิบพุทราเชื่อมเม็ดหนึ่งเข้าปากเคี้ยว
ขณะที่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง จู่ๆ นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง ลุกไปหยิบกล่องผ้าไหมลวดลายวิจิตรประณีตออกมาจากชั้นหนังสือที่ทำด้วยไม้หนานมู่สีทอง จากนั้นก็เอาแถบรัดเอวใส่เข้าไปแล้วปิดกล่องลงไปด้วยความพึงพอใจ