เหมยหรูเซียนมาถึงตรอกที่ไม่มีผู้คน ก็รีบเอาผ้าที่ซื้อมาทั้งหมดเก็บไว้ในพื้นที่ลับ จากนั้นก็ไปที่ตลาดซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตอื่นๆ ขอเพียงออกจากร้านค้ามา ก็จะรีบหาสถานที่เอาสิ่งของเข้าไปเก็บ กระทั่งนางเห็นว่าซื้อหาสิ่งของได้พอสมควรแล้ว จึงได้หอบหิ้วข้าวของพอเป็นพิธีไปเช่ารถม้ากลับหมู่บ้านต้าเคิง
ตอนนางกลับมาถึงศาลเทพแห่งขุนเขา เป็นเวลาในราวช่วงต้นยามเซิน* จย่าอิ๋งชุนกับเหมยชิงหยวนมายืนรออยู่หน้าประตูคอยชะเง้อมองไปที่ตีนเขารอนางอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นนางแบกสิ่งของจำนวนมากกลับมาก็พากันตกอกตกใจ
เหมยหรูเซียนเอาของวางเรียงบนโต๊ะเซ่นไหว้ทีละอย่างๆ
จย่าอิ๋งชุนเบิกตากว้างมองสิ่งของกองโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในนั้นมีผ้า เสื้อผ้า หม้อ กระทะ เครื่องปรุงรส เนื้อหมู ข้าวสาร ขนมอบต่างๆ นางเอามือปิดปากแล้วเอ่ยถาม “หรูเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงซื้อของมามากมายเช่นนี้ เห็ดหลิงจือสองดอกนั้นขายได้ราคาไม่น้อยใช่หรือไม่”
เหมยชิงหยวนเขย่งปลายเท้าจ้องมองข้าวของกองโตบนโต๊ะเซ่นไหว้ “พี่สาว มีของข้าหรือไม่ มีของของข้าหรือไม่”
“มี พี่ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่กับรองเท้าใหม่จากอำเภอมาให้ท่านแม่กับหยวนเอ๋อร์ ยังมีขนมหวาน”
“ขนมหวาน! ขนมหวานหรือ” พอได้ยินว่ามีขนมหวาน เหมยชิงหยวนนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้า เพียงรู้สึกว่าขนมหวานเปรียบกับเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วยังดึงดูดใจยิ่งกว่า เขาดึงแขนเสื้อของนาง “พี่สาว ขนมหวานอยู่ที่ใด รีบเอาให้ข้าเถิด”
“อย่าใจร้อน พี่หาดูก่อน” เหมยหรูเซียนรีบพลิกรื้อข้าวของกองโต ครู่หนึ่งจึงหาขนมหวานสองถุงออกมาได้ นางส่งถุงหนึ่งให้เหมยชิงหยวน เอามือจิ้มปลายจมูกเขาพลางสั่งกำชับ “เอ้า พี่ซื้อขนมดอกกุ้ย ถั่วตัด งาตัด ขนมหยางเหมย*…หลายอย่าง เจ้าเก็บไว้ค่อยๆ กิน วันหนึ่งไม่อาจกินเยอะเกินไป หาไม่จะปวดฟัน”
“หรูเอ๋อร์ ที่แม่ถามเจ้า เจ้าได้ยินหรือไม่”
“ได้ยินแล้ว ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด เงินที่ขายเห็ดหลิงจือสองดอกนั่นยังพอให้เราซื้อที่ดินกับปลูกบ้านอีกด้วย”
“อะไรนะ! ที่เจ้าพูดเป็นจริงหรือว่าเท็จ” จย่าอิ๋งชุนร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“จริง ท่านแม่ เห็ดหลิงจือสองดอกนั่นขายได้สามร้อยห้าสิบตำลึง ข้าวของที่ซื้อมาวันนี้ข้าใช้เงินไปราวสิบห้าตำลึง” นางหยิบตั๋วแลกเงินสามร้อยตำลึงกับเศษเงินอีกจำนวนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
นางไม่คิดจะบอกมารดาว่าวันนี้ตนออกไปหาเงินได้มาทั้งหมดเท่าไร เพราะนางต้องระแวดระวังคนบ้านสกุลจย่า ถ้าพวกเขารู้ว่ามารดาของนางมีเงินมากเช่นนี้ จะต้องคิดมิดีมิชอบอย่างแน่นอน เงินสามร้อยตำลึงนี้หลังจากซื้อที่ดินปลูกบ้านแล้วก็เหลืออีกไม่เท่าไร
จย่าอิ๋งชุนเกิดมาชั่วชีวิตยังไม่เคยเห็นตั๋วแลกเงินและไม่รู้หนังสือ แต่แม้จะดูตั๋วแลกเงินไม่ออก นางก็ยังคงตื่นเต้นยินดียิ่ง
“ท่านแม่ ฉวยโอกาสตอนนี้ที่ยังพอมีเวลา เราไปหาผู้ใหญ่บ้านกัน ปรึกษาเขาเรื่องจะซื้อที่ดินปลูกบ้าน ท่านว่าเป็นอย่างไร”
“ปลูกบ้านก็ไม่ต้องกระมัง หรูเอ๋อร์ ไปดูว่าในหมู่บ้านมีบ้านเก่าที่ไหนจะขาย เราก็ซื้อมาเลยก็แล้วกัน”
“ท่านแม่ บ้านในหมู่บ้านเหล่านั้นข้าเคยดูมาแล้ว ข้าบอกได้เพียงว่าคนในหมู่บ้านนี้แต่ละคนล้วนเกียจคร้าน ทั้งหมู่บ้านมีเพียงบ้านที่ผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่เป็นบ้านก่อด้วยอิฐดินเผา คนอื่นๆ ล้วนอยู่กระท่อมมุงหญ้าคา อีกทั้งหญ้าบนหลังคาอย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาสองสามปีแล้ว พอข้างนอกฝนตกหนัก ข้างในก็มีฝนตกน้อยๆ ไปด้วย สภาพการณ์เช่นนี้ใช่ว่าเราไม่เคยเห็น ซื้อบ้านที่ปลูกไว้แล้วยังต้องลงมือบูรณะซ่อมแซม แทนที่จะทำเช่นนั้นไม่สู้ปลูกใหม่ ใช้เวลาต่างกันก็ไม่เกินครึ่งเดือน”
“ท่านแม่ ปลูกบ้านใหม่ บ้านใหม่ ข้าอยากอยู่บ้านใหม่ เช่นนี้จะได้ไม่ถูกพวกญาติผู้พี่ทั้งหลายหัวเราะเยาะ ข้าบอกข้าเป็นเด็กที่กระทั่งรังสุนัขก็ยังไม่มี…” เหมยชิงหยวนดึงๆ แขนเสื้อมารดาพลางกล่าว