เซียวอี้เหรินกลับไปที่เรือนไร้อักษรด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้าหดหู่ใจ เคล้นหว่างคิ้วซึ่งเต้นตุบตับอย่างรุนแรง รู้สึกเพียงแต่ปวดสมอง ในหัววุ่นวายอย่างมาก
เขานึกว่าการตัดสินใจด้วยตนเองนั้นง่ายดายมาก ทว่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้เรื่องราวทุกอย่างราวกับอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา รวมไปถึงฟู่เหลียงเฉินที่กลับไม่ได้ร้องไห้โวยวายออกมาทั้งยังจัดที่พักที่นอนให้เขากับเหยาเอ๋อร์และเหล่ากองทหารสกุลเซียวให้อยู่ได้เหมาะสม แม้เขาตั้งใจจับผิดก็ล้วนหาข้อผิดพลาดไม่ได้เลย อีกทั้งท่านแม่หมดสติ ป่วยขึ้นมากะทันหัน นางดูแลท่านแม่ทั้งคืน ท่าทีของนางที่เก็บกลั้นน้ำตายามขอร้องเขานั้นก่อกวนแผนการที่เขาคิดไว้เป็นอย่างดี
เสียงโครมดังขึ้น หมัดของเขาชกลงไปบนตั่งไม้ประดู่อย่างแรง พละกำลังรุนแรงเสียจนทำให้เกิดรูโหว่เล็กๆ ขึ้นมา
“น่ารังเกียจ!”
เป็นนางที่ติดค้างเขา ใช่ว่าเขารังแกนางก่อนเสียที่ไหน แล้วเหตุใด…เหตุใดเขากลับเกิดความรู้สึกผิดเล็กๆ ในใจกัน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
ไม่! นางใช้ความใจอ่อนของเขา ใช้อิทธิพลสายสัมพันธ์ ‘ไมตรีจิตระหว่างพี่ชายกับน้องสาว’ เมื่อสิบกว่าปีก่อนจึงได้บีบบังคับเขาจนทำอะไรไม่ถูกพร้อมกับถูกคนอื่นควบคุมไว้ด้วย
นางทำให้เขาตกหลุมพรางมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาจะไม่โง่ให้นางมีโอกาสเป็นครั้งที่สองอีกเป็นอันขาด!
“เซียวอี!” เสียงทุ้มลึกของเขาเอ่ยเรียก
ฉับพลันเงาดำก็ปรากฏกายคุกเข่าลงตรงหน้าเขา “บ่าวมาแล้วขอรับ”
“รวบรวมทุกคำพูดทุกการกระทำของฮูหยินน้อยตลอดสามปีที่ผ่านมาทั้งในเมืองหลวงและภายในจวน ข้าต้องการจะรู้ว่านางเคยทำอะไรไว้ พูดอะไรไปบ้าง…” เขาชะงักไปชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยต่อไปอย่างแน่วแน่ “มีข้อผิดพลาดหรือจุดอ่อนตรงที่ใด”
“นายท่าน” เซียวอีตกตะลึง ยังนึกว่าตนเองฟังผิดไป
“เจ็ดวัน ข้าให้เวลาเจ้าเจ็ดวัน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอรับ!” เซียวอีท่าทีเอาจริงเอาจัง ตอบรับด้วยความจริงจัง “บ่าวจะทำให้สำเร็จ”
เงาดำมืดนั้นพลันหายไปจากตรงหน้าในชั่วพริบตา สีหน้าเซียวอี้เหรินราบเรียบไม่เปลี่ยน มองตรงไปยังแสงแดดที่ค่อยๆ ส่องสว่างอยู่ด้านนอกห้อง
ฟู่เหลียงเฉิน ถ้าเจ้าจะไม่ยอมรามือ ยังยืนกรานเช่นนั้นก็จงอย่าได้โทษข้า เป็นเจ้าที่บังคับให้ข้ากับเจ้าต้องเป็นศัตรูกัน
แต่ก่อน เขาจะจับประคองนางไว้ในมือให้ดี รักและทะนุถนอมน้องสาวผู้นี้ชั่วชีวิต
เดิมทีทุกอย่างอาจจะไม่กลายมาเป็นสถานการณ์ที่ต้องยืนคนละฝั่งกันอย่างเช่นในตอนนี้
จำได้ว่านางในตอนเด็กหน้าตางดงามดั่งดอกไม้น้อยๆ เด็กสาวมักเอียงอายอยู่บ่อยๆ ราวกับยังอยู่ตรงหน้าเขา ปักมวยผมด้วยปิ่นลายสิงโตคู่เล่นลูกไหมปัก กอดกิ่งท้อไล่ตามหลังเขา เรียกด้วยความเริงร่าว่า ‘พี่อี้เหริน พี่อี้เหริน’
เขาใจลอยครุ่นคิดราวกับเวลานั้นได้ย้อนกลับไปเมื่อก่อน…