“นับด้วยเหรอเนี่ย” หญิงสาวพึมพำอย่างทึ่งๆ ก่อนจะเดินเขยกไปเข้าห้องน้ำตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก และเมื่อกลับมาล้มตัวนอนอีกครั้งสามีก็ปิดไฟจนทั้งห้องกลับมาอยู่ในความมืดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้ยังเหลือแสงเรืองๆ จากหลอดไฟที่เปิดเมื่อครู่
จิรปริยาหลับตาลง พยายามบังคับให้ตัวเองหลับ ซึ่งปกติสำหรับเธอมันไม่เคยยาก หญิงสาวรักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ เธอสามารถนอนวันหนึ่งได้มากกว่าสิบชั่วโมงด้วยซ้ำถ้ามีเวลามากพอ และหนึ่งในความสามารถพิเศษที่โศภิษฐาเคยจิกว่า ‘มันไม่ควรเรียกว่าความสามารถพิเศษ แต่ควรเรียกอย่างตรงตัวว่าความเกียจคร้าน’ ก็คือการที่เธอสามารถนอนหลับได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถเมล์ ห้องสมุด หรือกระทั่งโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย
แต่วันนี้ทั้งที่นอนอยู่บนเตียงกว้างแสนสบายในห้องแอร์เย็นๆ มีผ้าห่มและหมอนนุ่มฟูเหมือนอยู่ในโรงแรมห้าดาวแท้ๆ เธอกลับหลับไม่ลงเสียอย่างนั้น
ผู้หญิงความจำเสื่อมที่บอกตัวเองว่าเธอมาจากอดีตถอนหายใจ เผลอยกมือหนึ่งขึ้นวางก่ายหน้าผาก ดวงตาเปิดขึ้นมองเสาเตียงอีกครั้ง
ไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่โรงพยาบาลเธอหลับมากเกินไป เพราะแปลกที่ หรือ…
หัวใจที่ทำงานในระดับปกติมาตลอดเผลอเต้นแรงเกินพอดีจนกลัวเหลือเกินว่าในความเงียบของค่ำคืน เพื่อนร่วมเตียงจะได้ยินเข้า
หรือเพราะ ‘เขา’ กันแน่ที่ทำให้เธอตาแข็ง นอนไม่หลับแบบนี้
“นอนไม่หลับเหรอ”
ระหว่างที่จิรปริยากำลังคิดว่าเธอควรลองนับแกะดี หรือลุกออกจากห้องไปหาอะไรทำจนกว่าจะง่วงแล้วค่อยกลับมานอนดี นับนิรันดร์ก็ส่งเสียงเอ่ยถามจนคนใจลอยเกือบสะดุ้ง
“ฮะ? อื้อ นอนไม่หลับอะ”
“หาอะไรทำกันมั้ยล่ะ”
“หะ…หาอะไรทำ!”
คำชวนสั้นๆ ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งจนลุกขึ้นมานั่ง อวัยวะใต้อกซ้ายทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง พวงแก้มร้อนผ่าวยามคิดถึงสิ่งที่เขาน่าจะชวนเธอทำเพื่อฆ่าเวลา
นับนิรันดร์เป็นสามีของเธอ เธอนอนไม่หลับ เขาชวนหาอะไรทำ งั้นก็…
จิรปริยาหลับตาปี๋ สะบัดหน้าจนเส้นผมพลิ้วในอากาศ ปฏิเสธเสียงสั่น
“ไม่! ไม่ทำ จะนอนแล้ว!”
ราวกับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาสีอำพันพราวระยับเปล่งประกายในความมืด นิ้วเรียวยาวๆ ยื่นมาดีดจมูกรั้น หนุ่มหน้าสวยโคลงศีรษะขณะเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“ตกใจอะไรของแด ผมก็แค่จะชวนแดคุยเองนะ ไง ไม่คุยเหรอ จะนอนแล้วเหรอ”
“คะ…คุย คุยงั้นเหรอ”
คนคิดไปไกลกะพริบตาปริบ รีบไถลตัวลงนอนหันหลังให้อีกฝ่ายเพื่อซ่อนสีหน้า แม้จะรู้ดีว่ามืดๆ แบบนี้เขาคงมองไม่เห็นมันก็ตาม