“ทำอะไรกับห้องฉันเนี่ย” พฤกษ์หันไปถามคนที่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู หญิงสาวยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยซึ่งกระตุ้นต่อมโมโหของเขา “ใครอนุญาตให้เธอทำกับห้องของฉันแบบนี้”
“พริ้มเห็นว่าของในห้องนี้เก่ามากแล้ว ถึงเวลาควรจะเปลี่ยนสักที ถึงแม้ว่าเราจะอยู่แค่ชั่วคราวรอเรือนหอสร้างเสร็จ แต่ยังไงก็คุ้มค่ะเพราะเราใช้ทุกวัน ไม่ต้องห่วงนะคะ ของสำคัญของพี่หนึ่งพริ้มเก็บไว้ในกล่อง ไม่ได้ทิ้งหรอกค่ะ”
พริ้มเพราย้ายของมาบ้านหลังนี้ได้เพราะความช่วยเหลือจากพิชญ์ เขารู้ที่ซ่อนกุญแจบ้าน ยอมรับว่าวินาทีแรกที่เห็นสภาพบ้าน เธอช็อกไปเลย ใครจะคิดว่าคนที่เป็นถึงนายแพทย์จะอยู่กินในบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นเกาะ ซ้ำข้าวของเครื่องใช้ก็เก่าเก็บ
ถึงแม้เธอจะรู้มาบ้างว่าพฤกษ์เป็นคนสมถะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะสกปรกด้วย
ดังนั้นกว่าเธอจะย้ายเข้ามาได้จริงๆ ก็เมื่อคืน เพราะต้องให้คนมาช่วยเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ในห้องนอนใหม่ทั้งหมด โชคดีที่รู้ว่าพฤกษ์เข้าเวรเลยสามารถจัดการกับทุกอย่างได้ง่ายขึ้น
แต่แทนที่เขาจะชอบเมื่อเห็นห้องนอนใหม่ กลับทำหน้าเหมือนโกรธเสียอย่างนั้น
พิลึกคน…
พฤกษ์ต้องระงับความโกรธอย่างสุดความสามารถ ‘ของเก่า’ ที่เธอพูดนั่นเป็นของที่เขาหาซื้อมาอย่างยากลำบากต่างหากเล่า
“ฉันให้เวลาเธอสองชั่วโมง จัดการเอาทุกอย่างของฉันกลับมาไว้ที่เดิม แล้วย้ายผ้าม่านลิเก ที่นอนหมอนผ้าห่มพวกนี้ออกจากห้องนี้ไปซะ”
“ของเก่า พริ้มยกให้คนรับซื้อของเก่าไปแล้วล่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ! จะบ้าหรือไง เธอยกของที่ไม่ใช่ของตัวเองให้คนอื่นโดยพลการได้ยังไงฮะ รู้มั้ยว่าฉันหามันมาด้วยความยากลำบากแค่ไหน”
“ของพวกนั้นไม่เห็นจะน่าใช้ตรงไหนเลยค่ะ โต๊ะเขียนหนังสือนั่นก็มีแต่รอยสีน้ำเลอะไปหมด”
“นี่โต๊ะนั่นเธอก็ขายทิ้งไปด้วยเหรอ!”
“ไม่ได้ขายค่ะ ยกให้ฟรี”
พฤกษ์เบิกตากว้าง มือชา เท้าชา สมองขาวโพลนเมื่อได้รับรู้ว่าโต๊ะตัวโปรดของเขาถูกยกให้ใครก็ไม่ทราบไปแบบฟรีๆ โดยที่คนยกให้และคนรับอาจไม่เคยรู้คุณค่าของมันเลย
เขาได้โต๊ะตัวนั้นมาจากคุณปู่ศาล จิตรกรชาวเชียงใหม่วัยเจ็ดสิบปีที่แม้ว่าจะไม่ได้โด่งดังอะไรมาก แต่เขาก็นับถือในวิถีของผู้สูงวัยที่วาดรูปหาเลี้ยงปากท้องมาตั้งแต่วัยหนุ่ม
จะพูดอย่างไรคนไม่เข้าใจก็คงไม่มีวันเข้าใจ
“เธอรู้มั้ยว่าของชิ้นนั้นมันมีคุณค่ากับจิตใจฉันมากแค่ไหน จริงสิ! เพราะเธอไม่เคยมีหัวใจจะไปรู้จักคำว่า ‘คุณค่าทางใจ’ ได้ยังไง ฉันยื่นคำขาด เธอต้องจัดการให้ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิมภายในสองชั่วโมง”
“พริ้มคงทำไม่ได้หรอกค่ะ ของยกให้คนอื่นไปตั้งแต่เมื่อวันก่อน ขอโทษด้วยก็แล้วกันนะคะ” พริ้มเพราบอกแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างไม่คิดจะสนใจไยดีคนที่กำลังจะเป็นจะตาย
พฤกษ์แทบจะล้มลงไปแดดิ้นกับพื้นบ้าน แต่เพราะโตเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้แล้วชายหนุ่มจึงได้แต่สบถกับตัวเองอย่างสุดทน พริ้มเพราเป็นหายนะของเขาจริงๆ เธอเป็นนางมารร้าย เป็นปีศาจ
ชายหนุ่มกวาดตามองห้องนอนสีทองแล้วอยากกลั้นใจตาย
ก็ได้ ในเมื่อเธอทำร้ายจิตใจเขาได้ขนาดนี้ ต่อไปนี้เขาก็จะไม่รู้สึกผิดอะไรอีกแล้ว ของที่เสียไป คิดเสียว่าหายกันที่หลอกเธอมาแต่งงานโดยไม่คิดว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด
“เห็นทีจะใจดีต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”