พริ้มเพรารวบรวมความกล้าเดินขึ้นไปเคาะประตูเรียกสามีให้ลงมากินข้าวมื้อเย็นที่ล่วงเลยมาจนถึงดึกแล้ว
ใช่แล้วล่ะ เธอกำลังทำหน้าที่ภรรยาที่แสนดี
แต่เคาะอยู่สองหนเสียงข้างในยังคงเงียบกริบ หญิงสาวจึงถือวิสาสะบิดลูกบิดประตูและพบว่าพฤกษ์ไม่ได้ล็อกห้อง
เมื่อเปิดประตูเข้าไปจึงได้เห็นภาพร่างสูงซึ่งยังอยู่ในชุดเดิมหลับอยู่บนเตียงนอน
ห้องนอนนี้พื้นที่เล็กมากเมื่อเทียบกับห้องนอนที่บ้านปัถมธาดา หรือแม้แต่บ้านบริพัตรเมธานนท์ของพฤกษ์ และมันยังเล็กเกินไปสำหรับคนสองคนที่ห่างเหินกันมานาน
ชวนให้อึดอัดอย่างประหลาด
“พี่หนึ่งคะ พี่หนึ่ง” พริ้มเพราวางมือบนแขนของสามีโดยนิตินัย เรียกให้เขาตื่น ทว่าชายหนุ่มกลับเพียงแค่ย่นคิ้วอย่างรำคาญ “ลุกมาอาบน้ำก่อนสิคะ จะได้สบายตัว”
พฤกษ์ไม่เพียงแค่ไม่ทำตามที่พริ้มเพราบอก เขายังพลิกตัวหนีแล้วหลับต่อ
พริ้มเพราถอนหายใจอีกครั้ง ถ้าคำพูดที่ว่า ‘ถอนหายใจหนึ่งครั้งอายุสั้นไปหนึ่งปี’ เป็นเรื่องจริง พริ้มเพราคิดว่าพรุ่งนี้เธอคงตาย
“สรุปว่าจะนอนแบบนี้ใช่มั้ยคะ”
ไม่มีคำตอบ ร่างบางในชุดนอนเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าของพฤกษ์ ในตู้ของเขามีเสื้อผ้าไม่กี่สี ส่วนมากเป็นโทนขาว ดำ กรมท่าไม่ก็เทา แม้แต่ชุดนอนของเขาก็ล้วนเป็นสีเดียวกันหมด
ก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับพฤกษ์ไม่กี่วัน เธอได้พบกับพิชญ์ตอนกำลังเตรียมจัดสถานที่แต่งงาน เขามาแทนพี่ชายของเขาที่ยุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลงานแต่งงานของตัวเอง ไม่สามารถสละเวลาแม้กระทั่งวัดตัวตัดชุดเจ้าบ่าว ร้านตัดชุดก็วัดไซส์จากเสื้อผ้าของเขาที่ส่งมาให้
‘อย่าโกรธหนึ่งเลยนะพริ้ม งานที่โรงพยาบาลยุ่งมากปลีกตัวมาไม่ได้เลย พริ้มคงเข้าใจนะ’
เข้าใจเหรอ ใครจะไปเข้าใจได้ ผู้ชายที่ส่งน้องชายมาจัดการเรื่องงานแต่งงานแทนตัวเอง ยังดีที่วันแต่งเขาไม่ให้น้องชายแต่งแทนด้วย ไม่งั้นคงยุ่งพิลึก
…พี่แต่งงานแทนน้อง แต่ให้น้องเข้าพิธีแทนพี่
พริ้มเพราหยิบชุดนอนที่เธอเป็นคนซักรีดให้มาวางไว้ที่ตั่งใกล้เตียงนอน แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดมือให้สามี แต่พฤกษ์ดูเนื้อตัวสะอาดสะอ้านดีเธอเดาว่าเขาน่าจะเพิ่งอาบน้ำมา
“พี่หนึ่งคะ ตื่นแล้วก็เปลี่ยนชุดนอนนะคะ พริ้มเตรียมให้แล้ว”
“อือ” พฤกษ์ส่งเสียงอย่างรำคาญ
พริ้มเพราหรี่ตาลง คนหวังดีแท้ๆ
ทำไม…ต้องเป็นผู้ชายคนนี้ด้วยก็ไม่รู้
พฤกษ์หลับยาวจนเช้า ตื่นมาท้องก็ร้องโครกคราก เมื่อคืนเขาหลับไปตอนไหนไม่ทราบ แต่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะกลับมาจากโรงพยาบาลแล้วหลับเป็นตายเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานติดต่อกันเกินสิบชั่วโมง
แต่ที่ไม่ปกติก็คือการตื่นขึ้นมาในห้องสีทองที่ดูเหมือนอยู่ในท้องพระโรงนี่แหละ
พฤกษ์สะบัดศีรษะไล่ภาพชวนเวียนหัว แต่ผ้าม่านสีทองก็ยังคงไม่หายไป
พื้นที่ข้างๆ บนเตียงนอนเรียบกริบ ผ้าห่มถูกพับไว้เป็นอย่างดี แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ซึ่งไม่ใช่กลิ่นที่เขาคุ้นเคยยังติดอยู่บนที่นอนบ่งบอกว่าพริ้มเพราใช้พื้นที่นั้นเมื่อคืนนี้
อารามตกใจเขาจึงรีบสำรวจความเรียบร้อยตัวเองว่าเสียหายตรงไหนหรือเปล่า
จริงอยู่ว่าตามหลักการแล้ว หากพริ้มเพราทำอะไรเขา เขาต้องรู้สึกตัว แต่ถึงอย่างไรก็วางใจไม่ได้ เสียอะไรก็เสียได้แต่เขาจะไม่ยอมเสียตัวให้พริ้มเพราเด็ดขาด
เมื่อแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยพฤกษ์ก็สลัดผ้าห่มสีทองมีระบายลูกไม้ออกจากตัวราวกับเป็นสิ่งน่าขยะแขยง ชายหนุ่มลุกจากที่นอนเตรียมไปอาบน้ำแต่ก็ต้องอึ้งเมื่อชุดทำงานของเขาที่ถูกรีดจนกลีบแขนเสื้อคมกริบถูกจัดแขวนไว้หน้าประตูตู้เสื้อผ้า ตามจริงแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจกับการรีดผ้าสักเท่าไหร่เพราะสุดท้ายก็ต้องสวมเสื้อกาวน์คลุมทับอยู่ดี
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
แม้จะบ่น แต่เขาก็คว้าชุดนั้นเข้าห้องน้ำไปอย่างช่วยไม่ได้
ขี้เกียจหยิบใหม่!
พอเข้าห้องน้ำได้ อารมณ์ที่ยังขุ่นมัวกับผ้าม่านสีทองก็ยิ่งทวีความรุนแรง เพราะห้องน้ำแมนๆ ของเขากลายเป็นห้องน้ำเจ้าหญิงไปแล้วในตอนนี้
พรมเช็ดเท้าขนเฟอร์สีขาวฟูฟ่องชวนแขยง และยังมีแจกันดอกไม้วางเต็มไปหมด
“อะไรวะ เมื่อวานยังไม่เป็นแบบนี้เลยนี่หว่า มันจะมากเกินไปแล้วนะโว้ย!”
พฤกษ์อยากจะโวยวายอาละวาดให้สาสมกับความโกรธที่พริ้มเพราบังอาจมาเปลี่ยนแปลงบ้านอันแสนทรงเสน่ห์ของเขาให้กลายเป็นปราสาทในดิสนีย์แลนด์ นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงหรืออย่างไรไม่ทราบ