เท่านั้นไม่พอ พริ้มเพรายังบีบยาสีฟันเตรียมให้เขาเป็นการตอกย้ำสถานะศรีภรรยาอีกด้วย
อยู่ดีๆ ท้องไส้ของชายหนุ่มก็ปั่นป่วน แต่เพราะไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานทำให้พฤกษ์ไม่ขย้อนอะไรออกมาแม้ว่าจะคลื่นเหียนเวียนหัวมากก็ตามที
ศัลยแพทย์หนุ่มหยิบแปรงสีฟันที่พริ้มเพราจัดเตรียมให้โยนลงถังขยะไปแล้วเปิดตู้เหนือศีรษะหยิบแปรงอันใหม่มาใช้แทน
ชายหนุ่มมองตัวเองในกระจกแต่เขากลับเห็นภาพใบหน้าสวยจัดส่งยิ้มมาให้แทน
น่ากลัวชะมัด
นอกจากข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจะถูกสับเปลี่ยนโดยพลการแล้ว พฤกษ์ยังต้องทนกับกลิ่นอันไม่คุ้นจมูกซึ่งอบอวลไปทั่วบ้าน กลิ่นของอาหารเช้าที่ทำให้ท้องว่างๆ ยิ่งร้องหนัก
“พี่หนึ่ง อาหารเช้าเสร็จพอดีเลยค่ะ”
พริ้มเพราสวมชุดสูทสีฟ้าอ่อนทับด้วยผ้ากันเปื้อนอีกชั้นกำลังจัดจานอาหาร พฤกษ์มองแล้วเผลอกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นเหมือนว่าใบหน้าสวยๆ ของพริ้มเพราราวกับมีคำว่า ‘เมีย’ ติดไว้กลางหน้าผากอย่างไรอย่างนั้น
แม้จะหิวมากเพียงใดก็ตาม เขาก็จะไม่กินอาหารที่พริ้มเพราทำเด็ดขาด
ยอมหิวตายเสียยังดีกว่า!
ร่างสูงเดินผ่านหน้า ‘เมีย’ ที่กำลังจัดโต๊ะอาหารไปเหมือนไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น
พริ้มเพราหน้าเจื่อนไปเมื่อเห็นว่าพฤกษ์เมินเธออีกแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยอาการชาหนึบไปถึงหัวใจ
“พี่หนึ่งคะ” พริ้มเพราเดินตามมาทันก่อนที่พฤกษ์จะขึ้นรถ เสียงเรียกนั้นทำให้พฤกษ์ชะงักฝีเท้าแต่ยังคงไม่หันมามอง “ต่อให้พี่หนึ่งตั้งใจจะเมินพริ้ม หรือทำเหมือนพริ้มไม่มีตัวตนสักเพียงใด แต่พี่หนึ่งก็หนีความจริงเรื่องที่พริ้มเป็นภรรยาของพี่ไม่ได้หรอกค่ะ”
แค่ได้ฟังคำพูดอันแสนมั่นอกมั่นใจในความคิดตัวเองของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์หนุ่มก็ยับยุ่ง
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครหรือพริ้มเพรา” พฤกษ์หันกลับมาเผชิญหน้า
“เป็นภรรยาของพี่ไงคะ”
“งั้นเหรอ ถ้าหากว่าเธอหนีความจริงเรื่องที่เธอแต่งงานกับฉันเพราะเหตุผลทางการเมือง ไม่ใช่เพราะความรักได้ ฉันทำไมจะหนีความจริงเรื่องที่เธอเป็นเมียฉันไม่ได้”
“มันคนละเรื่องกันนะคะ”
“จะคนละเรื่องหรือเรื่องเดียวกันก็ช่างมันเถอะ เพราะยังไงฉันก็เป็นผัวให้เธอได้แค่ชื่อในทะเบียนสมรสเท่านั้น”
“พี่หนึ่ง…”
“ขอโทษนะ แล้วไม่ต้องมาทำอาหาร จัดเสื้อผ้า หรือบีบยาสีฟันให้อีก ไม่อิน”
“ถ้าหากว่าคุณยายรู้ว่าพี่หนึ่งทำแบบนี้ สัญญาอาจถูกรื้อนะคะ”
“ที่ดินโอนเป็นของมารีรินทร์ไปแล้ว จะรื้อสัญญาอะไรอีก”
“พี่หนึ่งหลอกคุณยายหลอกพริ้มเหรอคะ” พริ้มเพราถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าพฤกษ์หวังอะไรจากการแต่งงานครั้งนี้ แต่ที่ไม่คิดก็คือการที่พฤกษ์ไม่ยอมรักษาสัญญา พอได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็จะสละเรือทิ้งเธอให้ลอยกลางทะเลเพียงลำพัง
“ฉันไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเร็วขนาดนี้หรอกนะ แต่เธอบีบบังคับฉัน” พฤกษ์เป็นคนความอดทนต่ำ ตรงข้ามกับพิชญ์ที่อยู่กับความกดดันได้ดีกว่ามาก จนทำให้พฤกษ์เกิดความสงสัยว่าพิชญ์ยอมถูกบังคับให้เป็นคู่หมั้นกับพริ้มเพรามาตั้งนานสองนานได้อย่างไร “ถ้าพร้อมหย่าเมื่อไหร่ บอกมาก็แล้วกัน”
“หย่าเหรอคะ”
“ใช่! หย่า”
พริ้มเพราเงียบไป เธอนิ่ง ไม่มีน้ำตา ไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้านิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใดนอกจากนัยน์ตาซึ่งแม้จะว่างเปล่าแต่ก็เป็นคำตอบได้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
…หากทว่าพฤกษ์ไม่ได้คิดจะสบสายตา
“เราหย่ากันเถอะพริ้มเพรา อยู่กันไปก็ไม่มีความสุข” แพทย์หนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลลง พยายามโน้มน้าวใจเธอ ลึกๆ แล้วพริ้มเพราก็คือน้องสาวของเขาคนหนึ่ง ไม่ควรต้องมาแตกหักเพราะคำสัญญาไร้สาระของคนรุ่นก่อน
“เรื่องความสุข…ช่างมันเถอะค่ะ เราทำหน้าที่ของเราก็พอ เรือนหอใกล้เสร็จแล้ว เราย้ายเข้าอยู่เดือนหน้าเลยนะคะ บ้านหลังนี้เล็กเกินไป หากว่าเรามีลูก ลูกจะได้มีพื้นที่วิ่งเล่นกว้างๆ”
“นี่! เธอหูแตกหรือไง ฉันบอกว่าฉันต้องการหย่า!!” ทั้งที่กำลังจะยกภูเขาออกจากอก แต่พริ้มเพรากลับหอบภูเขาอีกสิบลูกมายัดใส่อกเขาแทน
“พริ้มหย่าไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้ เธอกลัวว่าจะอับอายขายหน้าเหรอ คงไม่มั้ง เธอไม่มีความรู้สึกไม่ใช่หรือไง”
พริ้มเพราอยากตะโกนใส่หน้าเขา ใครกันจะไม่มีความรู้สึก ไม่ใช่ผีสางนางไม้สักหน่อย เรื่องอายเธออายจนไม่รู้จะอายอย่างไรแล้ว แต่ถ้าถามเหตุผลว่าทำไมถึงหย่าไม่ได้ก็คงไม่ต้องถาม ผู้หญิงที่ไหนกันจะยอมหย่ากับสามีทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึงเดือน
“จะพูดยังไงก็ช่างเถอะ พี่หนึ่งเลิกคิดเรื่องหย่าไปได้เลยค่ะ”
“เราไม่ได้รักกัน ไม่เคยรักกัน เราทำดีที่สุดแล้วพริ้มเพรา ไปกันไม่รอดหรอก อย่าดันทุรังอีกเลย”
“ทำดีเหรอคะ พริ้มไม่เห็นว่าพี่หนึ่งจะทำอะไร”
คำพูดของพริ้มเพราทำให้พฤกษ์หน้าตึง เขาขยับเข้าไปหาเธอจนเกือบจะประชิดตัว จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย น่าเสียดายที่ผิวเนียนละเอียดต้องถูกแต่งแต้มด้วยรองพื้นและสารพัดเครื่องสำอางอยู่เกือบจะตลอดเวลา ปิดบังความงาม
“ฉันแต่งงานกับเธอ ยังจะบอกว่าไม่ทำอะไรอีกเหรอ”
“แต่พี่หนึ่งไม่เคยพยายามใช้ชีวิตคู่กับพริ้มเลย” พริ้มเพราเหมือนเด็กที่เก็บกดความรู้สึกตัวเองมานาน พอได้พูดในสิ่งที่อยู่ในใจน้ำตาก็ปิ่มจะรินไหล
แต่เธอไม่อยากร้องไห้…
…มีอะไรให้ต้องร้องไห้กันเล่า