“อย่าพูดเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย”
“พริ้มไม่ได้เพ้อเจ้อ พี่หนึ่งต่างหากที่ไม่ยอมรับความจริง”
พฤกษ์หน้ายับมากไปอีกที่พริ้มเพราพูดไม่รู้เรื่อง แต่เขายังคงอดทนที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจ
“พริ้มเพรา ฉันรู้นะว่าอะไรๆ มันก็ดูไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ” พฤกษ์ขยับตัวออกมายืนเท้าเอวอย่างคิดไม่ตก “…งั้นเรามาตกลงกันดีๆ ดีกว่านะ”
“ตกลงยังไงคะ” พริ้มเพราถามกลับด้วยความระแวง เธอรู้แล้วว่าต่อไปนี้ไม่ควรเชื่อใจพฤกษ์ เขาไม่มีสัจจะ แถมยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย
พฤกษ์หรี่ตามองภรรยาในนามอย่างใช้ความคิด ครู่เดียวก็ยกข้อมือดูนาฬิกา
“ยังพอมีเวลา เราทานอาหารเช้าไปด้วยคุยไปด้วยดีกว่า ไปเถอะ”
พริ้มเพรามองตามหลังคนที่เดินกลับเข้าบ้านไป เวลาแบบนี้…เธอไม่อยากจะเดินตามเขาไปเลย เพราะหากจะเล่นเกมที่พฤกษ์เป็นคนตั้งกฎ เธอก็มีแต่จะแพ้ราบคาบอย่างเดียว
ถึงจะไม่อยากเจรจาสักเพียงใด แต่พฤกษ์ก็มีบางอย่างที่ทำให้พริ้มเพราไม่สามารถปฏิเสธได้ แม้แต่พิชญ์ที่เป็นถึงผู้บริหารมารีรินทร์กรุ๊ปก็ยังต้องยอมให้กับความเป็นผู้ชนะอยู่เสมอของพฤกษ์
พฤกษ์ยังไม่พูดเรื่องข้อตกลงในทันที เขาหย่อนกายนั่งบนเก้าอี้ซึ่งพริ้มเพราเปลี่ยนจากโต๊ะไม้ธรรมดาเป็นโต๊ะไม้สีขาวฉลุลายสวยงาม
…บางครั้งก็ดูเหมือนว่าพริ้มเพราจะพิถีพิถันเรื่องการใช้ชีวิตมากเกินไป
ข้อนี้เป็นข้อสำคัญที่ทำให้เขากับเธอไปกันไม่รอด แค่ลักษณะการดำเนินชีวิต รสนิยมพื้นฐานก็ต่างกันคนละขั้วแล้ว
พริ้มเพราตักข้าวสวยร้อนๆ ส่งให้สามีแล้วจึงตักของตัวเองก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา
พฤกษ์เลื่อนสายตาจากใบหน้าของพริ้มเพรามาสำรวจอาหารบนโต๊ะ ดวงตาคมเข้มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าตาของอาหารเช้าจากฝีมือพริ้มเพรา
แกงเขียวหวานไก่มะเขือเปราะ ไข่เจียวเหลืองกรอบใส่หอมแดง
“เช้าๆ แบบนี้ไม่ต้องทำอะไรยากๆ ก็ได้นะ” พฤกษ์บอกพลางตักแกงเขียวหวานราดลงบนข้าว
“พริ้มแค่ทอดไข่ค่ะ แกงเขียวหวานตั้งแต่เมื่อวาน”
“ฉันหมายถึงเราซื้อแกงถุงเอาก็ได้ จริงๆ มื้อเช้าฉันกินแค่กาแฟดำกับขนมปังง่ายๆ”
“พี่หนึ่งต้องทำงานหนักทั้งวัน มื้อเช้าควรจะได้ทานอาหารดีๆ นะคะ” พริ้มเพราผ่อนคลายขึ้นเมื่อพฤกษ์ชวนเธอพูดเรื่องอื่นบ้างนอกจากชวนหย่า
“เวลาจะนอนยาวๆ ยังไม่มี อะไรกินง่ายก็กินให้อยู่ท้องไปก่อน”
“อ่อ! ค่ะ” เธอบอกแล้วตักอาหารรับประทานบ้าง
พฤกษ์กินอย่างเงียบๆ อาหารฝีมือพริ้มเพราอร่อย เขาจำได้เพราะเคยทานบ่อยเมื่อครั้งยังดีๆ กันอยู่ ก่อนที่ยายของพริ้มเพราจะประกาศเรื่องแต่งงานระหว่างเขากับเธอเมื่อหลายปีก่อน
“อร่อยเหมือนเดิม”
พริ้มเพราเงยหน้าขึ้นมาปั้นยิ้มให้ “ขอบคุณค่ะ”
“ยิ้มอะไร”
คำพูดที่ไม่มีความอ่อนโยนนั้นทำให้รอยยิ้มจางหายในฉับพลัน
พฤกษ์หัวเราะในลำคอที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นของหญิงสาวตรงหน้า พริ้มเพราไม่คิดจะเถียงหรือตอบโต้อะไรเขาเหมือนเคย ทุกครั้งเธอมักจะจริงจังเสมอ ไม่เคยคุยเล่น ไม่พูดไร้สาระ
ไม่น่ารัก
พริ้มเพราดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนผู้หญิงทั่วไป ต่อให้เขาลดทิฐิลงมาก็ไม่อาจจินตนาการถึงชีวิตแต่งงานที่มีความสุขกับเธอได้อยู่ดี
“ถือว่าครั้งนี้เรามาเจรจากันแบบจริงจังเป็นครั้งแรกก็แล้วกันนะ”
ร่างบางนั่งหลังตรง วางแขนกับโต๊ะในองศาที่งดงาม ในมือถือช้อนและส้อม ตามองตรงไปข้างหน้าอย่างจดจ่อรอฟัง