บทที่ 4
เล่นของ
พริ้มเพรามาถึงร้านเพชรก็พบว่าคุณหญิงสมปรารถนามารออยู่ก่อนแล้ว เธอไม่ได้เตรียมใจว่าจะต้องพบกับผู้เป็นยายในเช้าของวันที่เธอเพิ่งทะเลาะกับพฤกษ์มา
“สวัสดีค่ะคุณยาย” พริ้มเพรายกมือไหว้อย่างนอบน้อม ด้วยกิริยามารยาท ‘ผู้ดี’ ที่ยายเธอฝึกให้อย่างเข้มงวดจนกลายเป็นนิสัยติดตัว
…หรืออาจเป็นเพียงเปลือกที่เคลือบเธอไว้อย่างแน่นหนายากจะแกะออก
“ทำไมสีหน้าไม่ดีเลย ทะเลาะกับตาหนึ่งมาหรือเปล่า” คุณหญิงสมปรารถนามองหลานสาวอย่างจับผิดมากกว่าเป็นห่วง
พริ้มเพราฝืนยิ้ม พยายามทำสีหน้าให้ดูเหมือนว่าเธอปกติดีทุกอย่าง
“เปล่านี่คะคุณยาย”
คำปฏิเสธนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังเชื่อในทันที แต่เพราะคร้านจะจับผิดให้รำคาญใจ
“ไม่มีอะไรก็ดี”
หญิงสูงวัยร่างผอมบางทว่ายังดูแข็งแรงปรายตามองหลานสาวด้วยแววตาที่ไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เพราะแต่ไหนแต่ไรมาพริ้มเพราก็ไม่เคยได้ดั่งใจนางเลย แม้ว่าภายนอกหญิงสาวจะดูโอนอ่อนผ่อนตาม แต่นางก็รู้ดีว่าข้างในพริ้มเพราแข็งข้อกับนางอยู่ตลอดเวลา
“คุณยายมาหาพริ้มทำไมไม่บอกก่อนล่ะคะ พริ้มจะได้มาเช้าๆ”
“ช่างเถอะ ประเดี๋ยวตรวจงานเสร็จเข้าไปคุยข้างในก็แล้วกัน” บอกแล้วหญิงสูงวัยก็เดินหายเข้าไปยังห้องด้านใน นางเป็นใหญ่เหนือทุกคน โดยเฉพาะหลานสาวคนนี้ ดังนั้นการจะมาจะไปไม่เห็นต้องบอกให้เป็นเรื่องเป็นราว
พริ้มเพราที่เผลอกลั้นใจอยู่นานค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา
“เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมๆ กันนั้นทำให้เธอต้องหันไปมอง พบว่าเป็นเสียงวิทวัส ผู้จัดการร้านหนุ่มใหญ่ผู้ทำงานร่วมหัวจมท้ายกับเพชรปัทมามาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งร้าน
“คุณวัสถอนหายใจเสียดังเลยนะคะ” พริ้มเพราแกล้งแซว เพราะรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากยายของเธอนั้นทำให้ใครหลายคนต้องกลั้นหายใจแทบจะหมดลม อากาศโดยรอบก็ลดน้อยลงไปโดยปริยาย
พริ้มเพราทำเหมือนไม่รู้ แต่ก็รู้ดีว่าลับหลังตนทุกคนพูดถึงคุณหญิงสมปรารถนาในแง่ไม่ดีเท่าใดนัก
“ขอโทษครับคุณพริ้ม ผมไม่ชินเลยสักที” วิทวัสยิ้มแห้งๆ หันไปเห็นสีหน้าของพนักงานคนอื่นที่ใบหน้าซีดเซียวไม่ต่างกันก็หัวเราะออกมา
พริ้มเพราเห็นสีหน้าของพนักงานแต่ละคนแล้วอดคิดไม่ได้ ทุกคนเจอยายของเธอแค่นานๆ ครั้งยังเป็นได้ขนาดนี้ แล้วเธอที่ต้องอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโตเล่า…
“พริ้มขอดูรายงานสรุปยอดตั้งแต่วันที่พริ้มไม่อยู่หน่อยนะคะคุณวัส”
“คุณพริ้มไปคุยกับคุณหญิงก่อนเถอะครับ เสร็จธุระแล้วจะได้ทำงานแบบสบายใจ” หนุ่มใหญ่เสนอด้วยความหวังดี เขาเห็นพริ้มเพรามาตั้งแต่เล็ก รู้จักสนิทสนมกันเหมือนคนในครอบครัว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้พริ้มเพราหนักใจมีอยู่ไม่กี่เรื่อง
หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับยายของเธอ สองก็คือเรื่องเกี่ยวกับยายของเธอ
พริ้มเพรามองใบหน้าของผู้จัดการหนุ่มวัยสี่สิบห้าปีอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายต้องยอมจำนน
“ค่ะ พริ้มจะเข้าไปคุยกับคุณยายก่อน”
พริ้มเพราเปิดประตูก็เห็นว่าคุณหญิงสมปรารถนานั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ แม้จะอายุมากแล้ว แต่ร่างกายของหญิงสูงวัยยังจัดระเบียบได้ดี
แผ่นหลังตรงดิก มือไม้จับหนังสือในระดับที่พอเหมาะ บ่า ไหล่ แขนวางอยู่ในระนาบที่งดงาม สร้างความหวาดผวาให้คนมองได้อย่างน่าอัศจรรย์
“นั่งสิ”
สิ้นน้ำเสียงนั้นก็ทำให้พริ้มเพราเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามอย่างเงียบเชียบ
“ฉันรู้มาว่าตาหนึ่งซื้อบ้านโกโรโกโสอยู่ที่นนทบุรี”
พริ้มเพราคิดอยู่แล้วว่าธุระของคุณหญิงสมปรารถนาคงไม่พ้นเรื่องของพฤกษ์ เธอคิดคำตอบครู่หนึ่งว่าบ้านที่เธอไปอยู่อาศัยนั้นเป็นลักษณะที่เรียกว่า ‘โกโรโกโส’ หรือไม่
“ก็…เรียกแบบนั้นก็ได้ค่ะคุณยาย”
“ตาหนึ่งนี่ยังไง เป็นลูกมหาเศรษฐีมีเงินเป็นพันล้าน กลับไปอยู่แบบยาจกให้เมียต้องพลอยลำบากลำบนไปด้วย แกเป็นเมีย ทำไมไม่พูดให้เขาย้ายออกมาเสีย”
พริ้มเพราเกือบกลอกตาเป็นเลขแปดไปสามรอบ แต่เพราะครั้งสุดท้ายที่ทำแบบนั้นเธอถูกเฆี่ยนจนหลังลาย ฉะนั้นผู้เป็นหลานสาวจึงทำได้แค่กะพริบตาไล่ความรู้สึกอึดอัดนี้ทิ้งไป