บทที่ 5
แม่บ้านใจกล้า
พฤกษ์มีคิวผ่าตัดตั้งแต่เช้า กว่าจะได้ออกจากห้องผ่าก็กินเวลาร่วมสี่ชั่วโมง พอออกจากห้องผ่าได้เขาก็ตรงไปอาบน้ำที่หอพักแพทย์ทันที ในใจกำลังคิดว่าหากได้กาแฟดำเข้มๆ สักแก้วคงจะดีไม่น้อย ทว่ายังไม่ทันเดินถึงหอพักก็มีโทรศัพท์ตามเขาให้ไปพบผู้อำนวยการในเวลานี้
ด้วยความตกใจว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับคนไข้ที่เขาทำการผ่าตัดในวันนี้หรือไม่ พฤกษ์จึงรีบหันหลังกลับแล้วตรงไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันที
และแม้ว่าจะมีความวิตกมากเพียงใด แต่เขาก็มั่นใจว่าการผ่าตัดเมื่อครู่ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่หากไม่ใช่เรื่องเคสผ่าตัด แล้วจะเป็นเรื่องอะไรไปได้
“ขออนุญาตครับ” พฤกษ์เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปในห้องด้วยความร้อนใจ ทว่าภาพที่เห็นทำให้เขาตกใจจนหน้าซีด เพราะภายในห้องไม่ได้มีแค่วิชัยยุทธผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพียงคนเดียว แต่มีหญิงสาวสวย แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้านั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“พริ้มเพรา”
“มาพอดีเลยหมอพฤกษ์ เชิญนั่งก่อน” วิชัยยุทธ แพทย์ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลวัยห้าสิบปลายผายมือให้ผู้เพิ่งมาถึงนั่งเก้าอี้ข้างๆ พริ้มเพรา
“มีอะไรหรือครับ” พฤกษ์ถามด้วยความหวาดระแวงพลางหย่อนกายนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง
ไม่น่าเชื่อว่าพริ้มเพราสามารถทำให้เขาขาดความมั่นใจได้มากถึงเพียงนี้ เขากังวลกับการมาถึงของเธอมากกว่าเคสผ่าตัดรายใหญ่ที่สุดของเดือนนี้เสียอีก
การได้เห็นหน้าเธอเหมือนกับการต้องเผชิญหน้ากับเจ้ากรรมนายเวรของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“คุณพริ้มเธอโทรหาหมอไม่ติด เลยมาขอให้ผมช่วยตามตัวให้”
พฤกษ์ย่นคิ้วโดยอัตโนมัติ เขาหันไปมองพริ้มเพรา ใบหน้าสวยยังนิ่งเฉย…เหมือนเคย
“ฉันงานยุ่งน่ะ คนไข้เยอะมาก มีเรื่องอะไรสำคัญนักหรือถึงต้องมาถึงที่นี่”
“หมอ…” วิชัยยุทธลากเสียงเบาๆ เป็นการปราม “รู้ว่าดุ แต่นี่ภรรยานะ”
“ผมกับพริ้มคุยกันแบบนี้แหละครับผู้อำนวยการ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน จริงมั้ย”
พริ้มเพราเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะตอบออกมาในที่สุด
“ค่ะ”
“ภรรยาของหมอพฤกษ์บอกกับผมว่าคุณไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว จริงหรือ”
ขี้ฟ้อง พฤกษ์คิดในใจ
ไม่นึกเลยว่าพริ้มเพราจะเอาเรื่องที่เขาไม่ยอมกลับบ้านมาฟ้องผู้ใหญ่ เห็นนิ่งๆ แต่ใครเลยจะรู้ว่าภรรยาในนามของเขานั้นร้ายกาจแค่ไหน เล่นโผล่มาที่ทำงานแบบนี้ คนที่ไม่ยอมให้เรื่องส่วนตัวมากระทบเรื่องงานอย่างเขามีหรือจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้
เธอรู้ดีว่าหากทำเช่นนี้ เขาจะไม่กล้าหนีหน้าเธออีก
แต่คิดว่าจะบีบกันได้ง่ายๆ เหรอ
“ครับ ช่วงนี้เคสผ่าตัดเยอะมาก ผมเลยคิดว่าอยู่หอพักแพทย์ดีกว่าจะได้มีเวลาพักเยอะหน่อย ไม่ต้องเดินทาง”
“ผมรู้มาว่าคุณรับอยู่เวรแทนหมอคนอื่นด้วยนี่นา ไม่เห็นจะต้องทำแบบนั้นเลย”
“ช่วยๆ กันน่ะครับ”
“แต่ถึงอย่างไรก็ควรนึกถึงภรรยาที่บ้านบ้างสิหมอ นะ อีกอย่างหมอก็ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์ลาพักร้อนในปีนี้เลยนี่ ลาพักสักสามสี่วันถือเป็นการไปฮันนีมูนด้วยเลยไม่ดีหรือ” วิชัยยุทธพยายามไกล่เกลี่ย เพราะถึงแม้ว่าสองสามีภรรยาจะไม่ได้มีปากเสียงอะไรกัน แต่สีหน้าท่าทีของคนทั้งคู่ก็ส่งผลให้บรรยากาศมาคุอย่างไรไม่ทราบ เดาว่าพริ้มเพราน่าจะโกรธสามีที่เอาแต่ทำงานไม่ยอมสนใจเธอทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน
ช่วงเวลาแบบนี้ควรจะเป็นช่วงเวลาที่หอมหวาน แต่อย่างที่คนทั่วไปมอง คนเป็นหมอไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมากนัก และปัญหาเรื่องการจัดสรรเวลาให้คนรักก็นับเป็นปัญหาระดับชาติของบรรดาหมอๆ เลย
พฤกษ์ฟังแล้วถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผอ.”
“เอาน่า ภรรยาคุณหน้างอแล้วไม่เห็นหรือ เชื่อผมเถอะผมผ่านมาก่อน” วิชัยยุทธยังพยายามทำอารมณ์ดี แม้ว่าอีกสองคนจะอยู่ในอารมณ์ที่ตรงกันข้ามทุกอย่างก็ตาม
“หมอพฤกษ์คงไม่อยากลาพักร้อนหรอกค่ะท่านผู้อำนวยการ เขาไม่ได้เห็นแก่คำว่าครอบครัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“พริ้มเพรา!” พฤกษ์หันไปดุที่พริ้มเพราเอาเรื่องในบ้านมาป่าวประกาศ
“ยังไงก็เถอะค่ะ ดิฉันแค่หวังว่าจะไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องกับการที่สามีดิฉันไม่กลับบ้านนะคะ ผู้อำนวยการไม่สงสัยบ้างหรือคะ ว่าผู้ชายแบบไหนกัน แต่งงานได้ไม่กี่วันก็เลือกทิ้งภรรยาตัวเองให้อยู่บ้านคนเดียว ไม่รู้ว่างานยุ่งหรือติดใจอะไรกันแน่นะคะ”
วิชัยยุทธเบิกตากว้างขึ้น มองนายแพทย์ในปกครองของตนด้วยแววตาตระหนก แต่เทียบไม่ได้กับความตระหนกของพฤกษ์ที่มากกว่าร้อยเท่าเมื่อเห็นว่าพริ้มเพราสร้างเรื่องให้ใหญ่โตได้เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ