ตอนงานแต่งพฤกษ์เศรษฐาไม่ได้ไปเพราะติดคิวผ่าตัดคนไข้พอดี ทว่าถึงไม่ได้ไปก็เหมือนไปนั่นแหละ เพราะในไลน์กลุ่ม ‘เทพบุตรชุดกาวน์’ มีภาพบ่าวสาวส่งมาให้ยลเป็นร้อยรูป งานแต่งงานที่พฤกษ์ไม่ได้แจกการ์ดเชิญ เพียงแค่บอกปากเปล่ากับคนสนิทหนเดียวเท่านั้น ซ้ำก่อนแต่งว่าที่เจ้าบ่าวยังมาทำงานปกติทุกวันชนิดที่ว่ารดน้ำสังข์เสร็จแล้วถอดมงคลมาผ่าตัดคนไข้ได้ก็คงทำไปแล้ว งานแต่งของพฤกษ์ถือเป็นงานแต่งที่เศรษฐาเสียดายเป็นที่สุดที่ไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดี
เพราะงานนั้นหากจะเรียกว่าเป็นงานช้างก็อาจจะดูเบาไป เอาเป็นว่าเป็นงานช้างสามร้อยเชือกเลยก็แล้วกัน พิธีทั้งเช้าและค่ำจัดขึ้นอย่างใหญ่โต มีแขกคนดังคนสำคัญในวงสังคมแห่แหนกันมาร่วมงานอย่างล้นหลาม และที่ยิ่งเสียดายจนถึงวันนี้ก็คือนางเอกในดวงใจของเขาก็มาร่วมงานนี้ด้วย เศรษฐาลืมไปได้อย่างไรว่าภูมิหลังของนายแพทย์หนุ่มมาดเซอร์ทำตัวติดดินจนเกือบจะฝังกลบตัวเองอย่างพฤกษ์นั้นคือทายาทห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งของประเทศ
ศิรวิทย์ส่งรูปมาอวดรัวๆ จนเขาแทบคลั่งตาย แต่ใดๆ ก็ตาม ไม่น่าเชื่อว่าแม้งานนี้จะมีเหล่านางเอก ดาราหญิงแถวหน้าของเมืองไทยและเหล่าเซเลบนางแบบไปร่วมงานมากเพียงใดก็ไม่มีใครสวยเกินไปกว่าเจ้าสาวของพฤกษ์ได้เลย คราแรกเขาเข้าใจว่าเพราะพริ้มเพราเป็นเจ้าสาว…เจ้าสาวก็ต้องสวยที่สุดในงานไม่ว่าจะด้วยชุดเจ้าสาวหรือการแต่งหน้าที่พิถีพิถันมากเป็นพิเศษจึงทำให้สวยเปล่งปลั่งกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา
แต่ตอนนี้เศรษฐาเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่เพราะสิ่งที่กล่าวมาเลยสักนิดเดียว เพราะขณะนี้ที่เขาเผชิญหน้ากับพริ้มเพราในระยะไม่เกินสามเมตร เขาได้เห็นว่าพริ้มเพราสวย ไม่ใช่เพราะชุดหรือการแต่งหน้า แต่เธอสวยมากจริงๆ สวยจนเขาไม่อาจละสายตาได้ง่ายๆ
…จนพฤกษ์แทบจะพุ่งมาบีบคอ
“ไอ้เศษ!”
“ก็บอกแล้วไงพี่ว่าผมชื่อฐา เรียกเศษมันทะแม่งๆ เหมือนเศษเกินเศษเดนอ่ะพี่”
“ก็มึงเอาแต่จ้องเมียกูเนี่ย กูไม่ต่อยก็บุญแล้ว”
“โธ่! คนมันลืมตัว ขอโทษได้เปล่า”
พริ้มเพราคอแห้งผากเมื่อต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่ผู้ชายสองคนกำลังคุยกันเรื่องเธอแบบต่อหน้า แถมพฤกษ์ยังทำเหมือนหึงเธอได้อย่างแนบเนียนทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“ขอโทษนะครับคุณพริ้ม ผมไม่ได้มองคุณพริ้มด้วยเจตนาไม่ดีเลย เพียงแค่กำลังคิดว่าที่เขาเล่าลือกันว่าภรรยาหมอพฤกษ์สวยเหมือนนางฟ้า จริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะครับ”
พริ้มเพราส่งยิ้มกลับไปแบบเสียไม่ได้ อันที่จริงเธอได้รับคำชมเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กจนชินชาไปแล้ว และไม่เคยภูมิใจอะไรกับความสวยของตัวเองเลย
แต่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีความจริงใจให้มากกว่าหวังผลประโยชน์ใด ฉะนั้นดวงหน้าหวานจึงระบายยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเก่า
ทว่ารอยยิ้มของเธอมันดันไปกระตุ้นต่อมหงุดหงิดของพฤกษ์ที่แสนตื้นขึ้นมา
“รำคาญ!” พฤกษ์กระแทกเสียงลอยๆ
เศรษฐาทำหน้าเจื่อน ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างทราบกันดีว่าพฤกษ์ไม่ใช่หมอธรรมดา แต่เป็นหมออันธพาล สร้างอิทธิพลเถื่อน ขืนไปมีเรื่องด้วยก็ไม่คุ้มที่จะแลกเพราะอาจเจ็บตัวเอาได้ง่ายๆ
ครั้งก่อนเขาไปต่างประเทศลืมซื้อของที่พฤกษ์ฝากซื้อแค่ชิ้นเดียว ทั้งศอกทั้งเข่าก็มาไม่ยั้ง ถ้าหากไม่รู้ว่าเป็นหมอเขาคงคิดว่าเป็นนักมวยมืออาชีพ
“มีคนรำคาญแล้วครับ รีบไปดีกว่า” เศรษฐาบอกกับพริ้มเพราเสียงกระซิบแล้วรีบฉากตัวจากไปอย่างรวดเร็ว
กลับกลายเป็นพริ้มเพราที่รู้สึกโหวงแปลกๆ เพราะทันทีที่หมอหนุ่มคล้อยหลังไป พฤกษ์ก็คลายมือที่กุมมือเธอไว้แล้วเลื่อนมาจับแขนแทนด้วยน้ำหนักมือที่มากขึ้น
“ขึ้นห้อง!”
แม้ว่าพริ้มเพราจะยอมรับการเป็นสามีภรรยาของตนกับพฤกษ์มากกว่าที่พฤกษ์ยอมรับ แต่พอต้องขึ้นห้องส่วนตัวของสามีหญิงสาวก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
ทั้งๆ ที่เธอก็เคยนอนเตียงเดียวกับเขามาแล้ว…ที่บ้านของเขา
หอพักแพทย์แห่งนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดประมาณสิบหกตารางเมตร มีเฟอร์นิเจอร์เพียงแค่ไม่กี่ชิ้น เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหนังสือ ชั้นวางทีวี ห้องดูแคบเอามากๆ ผิดกับภาพที่พริ้มเพราจินตนาการไว้ไกลมากทีเดียว เธอเข้าใจว่าห้องพักแพทย์น่าจะสะดวกสบายมากกว่านี้เสียอีก
เพราะมัวแต่สำรวจห้องนอนของเขา พริ้มเพราจึงไม่รู้เลยว่าพฤกษ์ถอดเสื้อออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นอีกทีท่อนบนของเขาก็เปลือยเปล่า ก่อนที่เธอจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเขาทำท่าจะถอดกางเกง