บทที่ 2
ข้าวใหม่ปลามัน
พริ้มเพราต้องเก็บเอาเรื่องที่เจ้าบ่าวหนีออกจากห้องหอไว้เป็นความลับ เพราะถ้าหากคุณหญิงสมปรารถนารู้เข้าโลกต้องแตกเป็นแน่
“แต่งงานกันได้วันเดียว ตาหนึ่งก็หนีไปทำงานแล้ว แบบนี้คงเจริญแย่ล่ะ” คุณหญิงสมปรารถนาบ่นขึ้นขณะนั่งดูรายการข่าวที่ห้องนั่งเล่น พริ้มเพราซึ่งถูกฝึกฝนความเป็นแม่ศรีเรือนอยู่ตลอดเวลานั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น
…ร้อยมาลัย
“งานมันบังคับน่ะค่ะคุณยาย”
“งานบังคับให้ต้องแยกบ้านกันอยู่ด้วยหรือไง” คุณหญิงสมปรารถนารู้ทันหรอกว่าพฤกษ์กำลังหาทางหลบเลี่ยง รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายคนโตของตระกูลบริพัตรเมธานนท์หวังแต่งงานเพื่อให้นางขายที่ให้เป็นสิทธิ์ขาดของมารีรินทร์กรุ๊ป แต่เพราะไม่มีทางเลือก นางจำต้องรีบคว้าข้อเสนอนี้ไว้ก่อน
“พริ้มคุยกับพี่หนึ่งแล้ว ไว้รอเรือนหอเสร็จพร้อมเข้าอยู่ค่อยย้ายไปอยู่ด้วยกันทีเดียวค่ะ” เธอปด ความจริงแล้วหลังจากแยกห้องกันเมื่อวานนี้ เช้ามาเธอก็ไม่พบเขาและไม่ได้คุยกันอีกเลย
“เรือนหอไม่เสร็จก็อยู่ที่นี่ด้วยกันไปก่อนก็ได้ ผัวเมียกัน แยกกันอยู่จะดีหรือ”
“ที่นี่ไกลจากโรงพยาบาลค่ะ พี่หนึ่งทำงานวันละสิบแปดชั่วโมง คงอยากเก็บเวลาเดินทางไว้พักผ่อน”
“ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นผู้หญิง แทนที่จะคิดหาวิธีให้ได้อยู่กับผัวกลับทำเฉยไปเสีย คอยดูเถิด ไม่เฝ้าไว้ให้ดีผู้หญิงคนอื่นเข้ามางาบไป ฉันจะดูซิว่าน้ำหน้าอย่างแกจะเอาหัวไปมุดไว้ที่ไหน แกคงไม่รู้ว่าแม่ของแกต้องอับอายแค่ไหนตอนถูกพ่อตาหนึ่งทิ้งขว้าง แม้แต่ตัวแกเองก็เถอะ ขนาดหมั้นหมายกันเสียดิบดี ตาสองยังไปรักผู้หญิงคนอื่นได้ แถมเป็นคนที่ไม่มีอะไรสู้แกได้สักอย่างจนต้องมาแต่งงานกับตาหนึ่งแทน หมั้นกับน้อง แต่งกับพี่ แกคิดว่างามหน้ามากนักหรือไง”
“ก็แล้วทำไมคุณยายยังต้องการให้พริ้มแต่งงานกับคนในครอบครัวนั้นด้วยล่ะคะ”
พริ้มเพราซึ่งปกติสงบปากสงบคำเสมอ ไม่เคยออกความเห็นขัดใจผู้เป็นยายกลับหมดความอดทนอย่างง่ายดาย
มีหรือที่จะไม่คิดอับอาย เธออายจนเกินคำว่าอายไปแล้ว
ยิ่งถูกพฤกษ์พูดถากถางทุกครั้งที่พบตั้งแต่ตอนยังหมั้นกับพิชญ์จนกระทั่งวันที่เธอแต่งงานกับเขา คิดหรือ…ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรเลย
คุณหญิงสมปรารถนาไม่มีคำตอบให้หลานสาว นางได้แต่ฮึดฮัดอย่างหงุดหงิดใจแล้วออกคำสั่งเด็ดขาด
“จะต้องถามไปทำไม ในเมื่อแกก็แต่งงานกับเขาไปแล้ว ถ้าหากว่าวันพรุ่งนี้แกยังอยู่ที่นี่ ฉันก็จะลากแกไปส่งผัวแกให้ถึงบ้านเลย”
เวรห้องฉุกเฉินเมื่อคืนทำเอาพฤกษ์ได้ออกจากห้องผ่าตัดอีกทีตอนเจ็ดโมงเช้าของอีกวันในสภาพเกือบล้มพับไปด้วยความเหนื่อยและอดนอนติดต่อกันหลายวัน
เขาไม่ได้นอนครบแปดชั่วโมงมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่ทราบ แต่มาถึงวันนี้แล้ว…คงต้องเลิกคิดหวังถึงการนอนหลับเต็มอิ่มไปได้เลย
พฤกษ์มีเคสผ่าตัดปกติยาวไปเกือบครึ่งปี ทว่าในแต่ละวันก็มักจะมีเคสฉุกเฉินเข้ามาเสมอ อย่างเมื่อวานนี้มีอุบัติเหตุรถชนรุนแรง มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุสามราย อีกรายที่ถูกส่งตัวมาโรงพยาบาลก็อาการหนัก เลือดคั่งในสมองต้องผ่าตัดด่วน เคสนี้ทำเอาเขากับพยาบาลห้องฉุกเฉินต้องปาดเหงื่อ แต่ก็โล่งใจที่คนไข้พ้นขีดอันตรายได้
หลายคนต่างมองว่าอาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่งานหนักและไม่มีเวลาส่วนตัว
ใช่! พวกเขาคิดถูก…
แม้จะรายได้ดี แต่พฤกษ์ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ คนที่เรียนแพทย์เพราะมีใจรักในอาชีพและต้องการอุทิศชีวิตเพื่อคนอื่น เพราะหากเขาหวังความร่ำรวยแล้ว ทายาทนักธุรกิจพันล้านอย่างเขาไม่จำเป็นต้องเป็นหมอให้เหนื่อยเลย
ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาเขียนรายงานต่อ เขาไม่มีเวลานอนแล้ว ต้องส่งรายงานผู้ป่วยก่อนเที่ยง
“หมอพฤกษ์ขยันจังเลยนะคะ”
“ครับ?” พฤกษ์เงยหน้าจากกระดาษในมือขึ้นมองคนพูด เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อนวลลดา พยาบาลสาววัยใกล้เลขสี่เอ่ยขึ้น
“นวลบอกว่าหมอพฤกษ์ขยันจังเลยค่ะ ขนาดเพิ่งแต่งงานมาแท้ๆ ยังรับอยู่เวรแทนหมอคนอื่นอีก ไม่คิดจะไปฮันนีมูนกับภรรยาบ้างหรือคะ”
“อ่อ เรื่องนี้เอง” เขาปั้นยิ้มแห้งแล้งให้แล้วกลับไปเขียนรายงานต่อ ทำเอาคนสนใจเรื่องชาวบ้านอย่างนวลลดาถึงกับไปไม่เป็น
พฤกษ์ถือคติอย่างหนึ่งเอาไว้ใช้กับพวกชอบถามซอกแซกเรื่องส่วนตัวนั่นคือ ‘ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ’ ไม่โกหก ไม่แถ ไม่พูดอะไรใดๆ คนก็จะเลิกสนใจไปเอง
นวลลดาหน้าเจื่อนไปที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่อยากสนทนาด้วย แต่เธอก็แก้เก้อด้วยการชวนคุยต่อ
“แต่ขอชมหน่อยเถอะค่ะ เจ้าสาวหมอพฤกษ์นี่สวยมากๆ เลยนะคะ”
พฤกษ์ชะงักมือที่กำลังเขียนรายงานเพราะคำพูดของนวลลดานั้นช่างระคายหู
พริ้มเพราสวยจริงๆ เขาไม่ปฏิเสธในข้อนี้ แต่ทุกครั้งที่เขาพบเธอความฮึกเหิมของสัญลักษณ์ทางเพศชายก็พลันห่อเหี่ยวลงทุกที พูดง่ายๆ ก็คือเขาไม่มีอารมณ์ทางเพศกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว และการต้องอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยานั้นเขาก็อนุมานได้เลยว่านี่อาจเป็นสาเหตุให้ตายด้านได้ง่ายๆ
“หมอคะ หมอพฤกษ์คะ”
เสียงเรียกของนวลลดาทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัวในตอนนั้น
“ว่าไงครับ”
“หมอพฤกษ์ดูเหนื่อยๆ นะคะ กาแฟเข้มๆ สักแก้วมั้ยคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
นวลลดาหายออกจากห้องไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกาแฟร้อน ตอนนั้นพฤกษ์ยังคงก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานจนแทบไม่สนใจความเคลื่อนไหวโดยรอบ