นวลลดาลอบสังเกตเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาด้วยความใคร่รู้ความคิดของนายแพทย์หนุ่ม พฤกษ์เป็นหมอที่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งนี้ให้ความเห็นตรงกันว่าหล่อลากไส้ ความหล่อของเขาไม่เพียงเป็นที่จับตามองแก่บรรดาเหล่าแพทย์ พยาบาลในโรงพยาบาลแห่งนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของคนไข้และญาติสาวๆ อีกเป็นจำนวนมาก วัดได้จากของขวัญที่ถูกส่งมาเป็นการขอบคุณที่มากมายนับไม่ถ้วน
แรกๆ นั้นพยาบาลในวอร์ดต่างพากันตื่นเต้นที่เห็นกล่องของขวัญถูกส่งมาให้หมอหนุ่ม แต่ทุกวันนี้น่ะหรือ…ชินเสียแล้ว
นึกแล้วเสียดายที่พฤกษ์แต่งงานไปแล้ว แทนที่จะอยู่เป็นอาหารตาอาหารใจกันไปนานกว่านี้อีกหน่อย
‘หมอพฤกษ์แต่งงานทีนึง คนอกหักทั้งโรงพยาบาล’
เสียงจากพยาบาลคนหนึ่งที่บ่นเสียดายเป็นรอบที่สามของเช้าวันที่รู้ว่าหมอพฤกษ์กำลังจะแต่งงาน เสียดาย…ทั้งที่รู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้มีหวังอะไรเลย
‘จริงแก อุตส่าห์เป็นโสดมาตั้งนาน รู้อีกทีแต่งงานเลยจ้า ไม่มีวี่แวว’
‘แต่ใดๆ ก็เถอะ ภรรยาของหมอน่ะสวยมากเลยนะ ฉันเห็นในไอจีที่หมอเต้ยอัพเดตตอนไปร่วมงาน สวยจนฉันอายอ่ะแก’
‘ถ้าฉันรวยฉันจะสวยให้ดู ใครก็รู้ว่าภรรยาหมอพฤกษ์เป็นทายาทตระกูลผู้ดีเก่าแก่ แค่เก็บค่าเช่าที่ในกรุงเทพฯ เดือนเดียวก็สบายไปเจ็ดปี แถมยังมีธุรกิจร้านเพชรเป็นของตัวเองอีก’
‘เออ แต่ถึงไม่รวยก็สวย ไม่เชื่อไปส่องไอจีหมอเต้ยได้เลย’ คนเห็นรูปยืนยันหนักแน่น
นวลลดาก็เห็นพ้องกับเพื่อนร่วมอาชีพ ว่าภรรยาของพฤกษ์นั้นสวยมากชนิดที่หากเข้าวงการต้องได้เป็นนางเอกแถวหน้า แต่เหตุใดเจ้าบ่าวหมาดๆ ถึงดูไม่เห่อภรรยาคนสวยเลยสักนิด เธอเห็นว่านับตั้งแต่วันแต่งงานจนถึงวันนี้ก็เกือบสองสัปดาห์แล้ว พฤกษ์ยังคงมาทำงานวันละสิบแปดชั่วโมงเหมือนเดิม อีกหกชั่วโมงที่เหลือบางวันก็นอนที่โรงพยาบาลเสียด้วยซ้ำไป
หรือว่า…ข่าวลือที่ว่าทั้งคู่ถูกจับคลุมถุงชนนั้นจะเป็นความจริง
“กาแฟค่ะ” เธอวางแก้วลงแต่ยังไม่ออกจากห้องไป “หมอพฤกษ์ต้องหาวันลาพักร้อนบ้างนะคะ ช่วงข้าวใหม่ปลามันต้องรีบกอบโกย คนเป็นสามีภรรยาควรหาเวลาอยู่ด้วยกันมากๆ ไม่งั้นจะมีตัวเล็กๆ ได้ยังไงล่ะคะ”
“เรื่องนั้นผมยังไม่ได้คิดเลยครับ” พฤกษ์บอกพลางอ่านเอกสารตรงหน้า คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน “คุณนวลมีความคิดเห็นยังไงครับ”
“เรื่องการมีลูกหรือคะ” นวลลดาฉีกยิ้มกว้าง โอกาสได้เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับหมอพฤกษ์ผู้ที่ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าถือตัวมากเพียงใดไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เธอต้องทำให้ดีที่สุด “คุณหมอปรึกษาถูกคนแล้วล่ะค่ะ นวลว่าเรื่องนี้สำคัญมากเลยนะคะ แต่งงานกันแล้วก็ต้องรีบมีลูก โดยเฉพาะครอบครัวที่มีความพร้อมอย่างครอบครัวของคุณหมอ นวลว่าอันดับแรกคุณหมอต้องเริ่มจาก…”
“ไม่ใช่ครับ ที่ถามว่าคิดยังไงไม่ใช่เรื่องทำลูก แต่หมายถึงเคสผู้ป่วยวันพรุ่งนี้ต่างหาก เคสนั้นญาติเขามีความพร้อมหลังผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดมากน้อยเพียงใด เมื่อกลับบ้านไปแล้วจะต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง เราต้องทำความเข้าใจกับญาติในการดูแลให้ถูกวิธี”
นวลลดาอึ้งไปหลายวินาที เหมือนว่าหญิงสาวขับรถตามจีพีเอสไปแต่ปรากฏว่าเลี้ยวผิด
“แหม คุณหมอเปลี่ยนเรื่องเร็วเสียจนนวลตามไม่ทันเลยนะคะ”
พฤกษ์เลิกคิ้ว “อ้อ! ขอโทษนะครับ พอดีผมเห็นว่าเรากำลังทำงานกันอยู่”
ฉึก! นวลลดารู้สึกเหมือนถูกมีดปักลงกลางใจ
เจ็บ!
“ส่วนเรื่อง ‘ทำลูก’ ผมคิดว่าผมเก่งพอครับ ทำเองได้”
เที่ยงคืนแล้วบ้านหลังขนาดกลางในแถบจังหวัดนนทบุรีมืดสนิท เขาไม่ได้กลับบ้านมาสี่สิบหกชั่วโมงแล้ว เวลานี้นายแพทย์หนุ่มอยากล้มตัวลงนอนบนเตียงเก่าๆ ของตัวเองเต็มแก่
ศัลยแพทย์หนุ่มจอดรถแล้วจึงพาร่างอันแสนอิดโรยเดินไปปิดประตูรั้ว วูบหนึ่งใจคิดไปว่าถ้ากลับบ้านมามีคนคอยเปิดประตูรับก็คงดี อย่างน้อยความเหน็ดเหนื่อยคงได้บรรเทาลงบ้าง
ใครสักคน!
พฤกษ์รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ต่อให้บางครั้งจะอ่อนไหวไปบ้าง แต่สิ่งที่คนอย่างพฤกษ์ปรารถนาจะครอบครองไว้ให้นานที่สุดคือ ‘อิสรภาพ’ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้ใครมาพรากมันไปแน่ๆ
พรุ่งนี้เขาจะจ้างช่างมาเปลี่ยนประตูรั้วเป็นระบบเปิดปิดด้วยรีโมตให้รู้แล้วรู้รอด
ชายหนุ่มคิดขณะที่ตาใกล้ปิดเต็มที สองเท้าก้าวเข้าบ้านที่มืดมิดมีเพียงแสงลอดจากหน้าต่างบานกระจก ใช้ความคุ้นชินเดินมะงุมมะงาหราไปที่บันไดโดยไม่ยอมเอื้อมมือไปเปิดไฟให้เสียเวลา ไม่ต้องอาบน้ำเพราะเพิ่งอาบมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้เขาแค่อยากล้มตัวลงนอนเท่านั้นจริงๆ
เมื่อเข้ามาในห้องได้ ชายหนุ่มก็ควักทุกอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง วางไว้อย่างไม่เป็นระเบียบบนโต๊ะก่อนล้มตัวลงบนเตียงที่คุ้นเคย
ไม่รู้ว่านอนน้อยไปหรือว่าจมูกมีปัญหา ที่นอนของนายแพทย์หนุ่มซึ่งไม่ถูกผงซักฟอกมานานปีจนมีกลิ่นอับติดอยู่ตลอดกลับกลายเป็นกลิ่นหอมสะอาด เนื้อผ้าสากๆ ก็กลายเป็นความนุ่มลื่น
นี่เขาคงโหยหาที่นอนมากจนรู้สึกไปเองกระมัง
ไม่ทันคิดอะไรออก ห้วงความคิดของพฤกษ์ก็ค่อยๆ ดับไป ก่อนทุกอย่างจะนิ่งสนิทลง