เสียงของเขายังไม่ทันขาดหาย ฉันก็กระโจนเข้าใส่ทันที คิดไม่ถึงว่าเจ้าอีกาตัวนี้จะไม่ใช่นกธรรมดา เขากลิ้งหลบไปที่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนกางปีกบินขึ้นไปบนยอดไม้ ปากยังคงร้องตะโกน “ลูกพี่ ต่อให้มาช่วยท่านช้าไป ก็ไม่เห็นต้องตีข้าเลย!”
เพราะถูกฉันพุ่งกระโจนใส่อย่างแรง พื้นดินถึงกับแยกออก พื้นเว้าลงไปเป็นหลุมใหญ่ลึกสามเมตร ฉันไม่ได้ครุ่นคิดว่าพลังทำลายล้างอันน่าตื่นตะลึงนี้มาจากที่ใด เพียงยืนอยู่ที่ก้นหลุมเงยหน้าขึ้นมองอีกาขาวที่อยู่บนต้นไม้ ในใจรู้สึกหงุดหงิด ครั้นแล้วก็กระโจนออกไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้กลับพุ่งเข้าใส่แรงเกินไป ต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นจึงโค่นลงมา หักเป็นสองท่อน อีกาตกใจบินขึ้นอีกครั้ง แล้วร่อนลงสู่พื้นดิน
ฉันเลียกรงเล็บอย่างเสียดาย คิดจะกระโจนใส่อีกครั้ง นึกไม่ถึงว่าอีกาขาวพลันหมุนร่าง มีหมอกควันสีขาวกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในอากาศปิดคลุมร่างเอาไว้ ตอนหมอกควันจางไป อีกาก็ได้หายไปแล้ว สิ่งที่มาแทนที่คือเด็กหนุ่มในชุดสีขาวคนหนึ่ง
หากใช้สายตาในการตัดสินความงามของมนุษย์มามอง เด็กหนุ่มผู้นี้รูปร่างหน้าตาน่าจะงดงามมาก และดูสุขุมนุ่มนวล แทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย รูปร่างของเขาผอมแห้ง เส้นผมดำดุจม่านน้ำตก ดวงตารูปเมล็ดซิ่ง เปี่ยมเสน่ห์ ประกอบกับจมูกที่โด่งเป็นสันและใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มรูปเม็ดแตง สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวตัวหลวมกว้าง ตรงคอเสื้อเห็นกระดูกไหปลาร้าได้วับๆ แวมๆ ดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเอาไปวางไว้กลางฝูงชน เพียงเขาขยิบตาหวานหยาดเยิ้มทีเดียวก็เพียงพอให้ชายหญิงลุ่มหลงเคลิบเคลิ้มร่างอ่อนระทวยไปเป็นแถบ
ข้างต้นเป็นข้อสรุปใหม่ในอีกหลายปีให้หลัง หลังจากฉันได้เรียนรู้การขัดเกลาสำนวนคำบรรยายและการตัดสินความงามของมนุษย์แล้ว ทว่ายามนี้ฉันใช้การตัดสินความงามของแมวในการมอง เขาก็แค่คนธรรมดาที่มีดวงตาสองข้างหนึ่งจมูกหนึ่งปากคนหนึ่งเท่านั้น
เด็กหนุ่มจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นไรไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ปัญหาสำคัญที่สุดที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ก็คือ อาหารของฉันหายไปไหนแล้ว
ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา เด็กหนุ่มก็กระวีกระวาดพุ่งเข้ามาหาฉัน “ลูกพี่ ท่านทำบ้าอะไรของท่าน”
ฉันรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา อดร้องด่าออกไปไม่ได้ “ฉันเป็นแมว! ไม่ใช่ลูกพี่!”
พูดจบ ฉันก็ใช้กรงเล็บลูบๆ คอ ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรจู่ๆ ตนเองจึงพูดได้ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มชุดขาวที่อยู่ตรงหน้ากลับดูประหลาดใจยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขายกมือขึ้นมาช้าๆ ชี้มาที่ฉันแล้วพูดติดอ่าง “ลูก…ลูกพี่…ท่าน…ท่าน…”
เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นมาอย่างสลับซับซ้อนเช่นนี้ทำให้ฉันยืนตะลึงอยู่กับที่ ในสมองมีแต่ความสับสนยุ่งเหยิง เศษเสี้ยวความทรงจำจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ในนั้นมีสาวน้อยงดงามที่มีหูแมวอยู่บนศีรษะผู้หนึ่งกำลังคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ตอนตั้งสติได้ฉันจึงพบว่าโลกที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เป็นสีหม่นเหมือนที่ผ่านมา หากแต่เต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย แต่ก่อนฉันไม่เคยรู้ชื่อของสีเหล่านั้น และแยกสีเขียว สีแดง สีน้ำเงินที่เจ้านายเคยพูดถึงไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นหญ้าเขียวขจีหรือท้องฟ้า แต่เวลานี้ฉันถึงกับเข้าใจถึงเสน่ห์และชื่อของพวกมันแล้ว ความงดงามทั้งหมดนี้ช่างทำให้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหล
ความทรงจำสับสนยุ่งเหยิงขึ้นทุกที และก็ยิ่งปวดหัวขึ้นทุกที ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัว
ฉันอยากกลับบ้าน
กลับไปยังสถานที่ที่ไม่มีอันตราย ไม่มีใครทำร้าย มีแต่ความอบอุ่นแห่งนั้น
ครั้นแล้วฉันก็ไม่ไปคิดอีกว่าอีกาหายไปไหน เพียงคิดจะค่อยๆ ย่องหลบไป
แต่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เด็กหนุ่มชุดขาวที่อยู่ข้างหลังก็กระโจนเข้ามาทันที กอดฉันไว้ในอ้อมแขนแน่น ปากก็ยังคงร้องเสียงดัง “ลูกพี่ ท่านอย่าเพิ่งไป มีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากัน”
สองมือของเด็กหนุ่มมีแรงมาก รัดฉันจนแทบหายใจไม่ออก ฉันพลันโกรธขึ้นมา ตวัดกรงเล็บไปที่ใบหน้าเขาทีหนึ่ง เขาร้องเสียงหลงพลางเบี่ยงหน้าหลบ แต่ยังคงถูกปลายเล็บฉันข่วนแก้มข้างขวาจนมีเลือดไหลซิบ
ฉันฉวยจังหวะนี้ใช้สองเท้าถีบยัน หลุดจากอ้อมแขนที่กักตัวไว้ออกมาได้ แล้วตวัดกรงเล็บออกไปอีกครั้ง ซัดเขากระเด็นออกไปไกลสิบกว่าเมตร
เด็กหนุ่มชุดขาวหลังจากลุกขึ้นมายืนมั่นก็เอามือกุมแผลที่อยู่บนใบหน้า มองฉันด้วยความตื่นตะลึง ไม่ได้เข้ามาใกล้อีก
ฉันรีบวิ่งหนีไป ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมอง