ตกค่ำ จิ่นเหวินทำตามสัญญา ส่งอาหารหลายอย่างที่ทำจากปลามาให้ข้ากิน ส่วนเทพปี้ชิงกลับไม่เห็นเงาร่าง ข้าคิดว่าเขาคงแอบไปนอนเกียจคร้านกระมัง
พูดถึงเรื่องนอน ข้ารู้สึกกลัดกลุ้มรำคาญใจต่อเตียงที่ข้านอนอยู่อย่างมาก มันเล็กกว่าเตียงของเทพปี้ชิง ทั้งยังแข็งกว่า ไม่มีกลิ่นหอมเช่นเตียงของเขา สรุปก็คือไม่สบายตัว! นอนไม่หลับ!
ข้าพลิกตัวกลิ้งจากด้านตะวันออกไปด้านตะวันตก แล้วก็พลิกตัวกลิ้งจากด้านตะวันตกไปด้านตะวันออก หลังจากหวาวาเปลี่ยนให้ข้ามาสวมชุดกระโปรงสีขาวผ้าโปร่งบางกึ่งโปร่งแสงซึ่งบอกว่าเป็นชุดนอนแล้ว นางก็ฟุบตัวนอนอยู่ตรงแท่นเหยียบข้างเตียงหลับจนน้ำลายไหลยืด ครั้นแล้วข้าก็กลอกดวงตาไปมา เกิดความคิดที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาอย่างหนึ่ง
ข้าจะแอบเข้าไปนอนบนเตียงของเทพปี้ชิง!
ความคิดเพิ่งผุดขึ้น ข้าก็กระโดดลงจากเตียงทันที และไม่ได้ไตร่ตรองว่าจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไร วิ่งไปยังห้องของเทพปี้ชิงทั้งชุดนอนเช่นนั้น
ดีที่ห้องเขาอยู่ไม่ไกล ข้ากระโดดจากกลางอากาศเข้าไปในกำแพงที่โอบล้อมอยู่ อาศัยต้นไม้ดอกไม้ต้นหญ้าบดบังตัวจากเวรยามรักษาการณ์ ยังไม่ทันเข้าไปในลานที่พักอาศัยของเทพปี้ชิง ก็เห็นบริเวณศาลารับลมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากลานบ้านสักเท่าใด จิ่นเหวินในชุดสีแดงเนื้อผ้าบางเบากำลังเดินเตร่ไปมาภายใต้แสงจันทร์และมวลหมู่บุปผา ประเดี๋ยวก็มองไปด้านในลาน ไม่รู้ทำอะไร
ข้าเดินเข้าไปตบๆ ไหล่นางด้วยความอยากรู้ จิ่นเหวินหมุนตัวมาอย่างงดงาม พอเห็นหน้าข้าก็ตกใจเกือบตาย คุกเข่าลงกับพื้นมือไม้อ่อน “ท่านเหมียวเหมียว ปลาของวันนี้ส่งไปให้แล้ว หากไม่พอ บ่าวจะไปทำเพิ่มให้เจ้าค่ะ”
“กินอิ่มแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำเถิด” ข้าพลันพบว่าสายตาของนางระยิบระยับแพรวพราวไม่อยู่นิ่ง คล้ายกำลังคิดอะไร จึงพยายามคาดเดาดู “หรือว่าเจ้าก็จะมายึดครองเตียงของเทพปี้ชิง”
สีหน้าของจิ่นเหวินซีดเผือดลงทันที นางมองข้าพลางพูดเสียงสั่น “ก็ใช่ หรือว่าท่าน…”
“ข้าจะไปนอนที่เตียงของเขา” ข้ารีบบอก
สีหน้าของจิ่นเหวินเขียวคล้ำแล้ว “ท่านไม่ใช่เป็นลูกศิษย์ของเขาหรอกหรือ จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร”
“เพราะอะไรจึงไม่ได้” ข้าย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ แต่เห็นท่าทางน่าสงสารของนางแล้วก็ใจอ่อน บอกอย่างใจกว้าง “เอาล่ะๆ ข้าจะแบ่งเตียงให้เจ้าครึ่งหนึ่ง นอนด้วยกันเถิด”
สีหน้าของจิ่นเหวินกลายเป็นสีดำแล้ว สายตาของนางเบนจากใบหน้าของข้าไปที่เสื้อผ้าของข้า จากนั้นก็มองเสื้อผ้าของตนเอง เมียงมองหน้าอกของข้า แล้วก็มองหน้าอกของตนเอง จู่ๆ ก็วิ่งจากไปทั้งน้ำตา
หูที่เฉียบไวของข้าได้ยินนางที่วิ่งไปได้ระยะหนึ่งแล้วสะอึกสะอื้นพูดออกมาว่า “ข้าแพ้แล้ว”
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ‘เสบียงสำรอง’ ผู้นี้คิดอะไรอยู่ ข้าไหวไหล่อย่างอับจนปัญญา ทำตามแผนการใหญ่แอบขึ้นเตียงต่อไป
ขยับเข้าไปใกล้ห้องพักของเทพปี้ชิงอย่างระมัดระวัง ข้างในมีแต่ความมืด โคมไฟดับหมดแล้ว และเสียงลมหายใจของเขาก็ฟังดูสม่ำเสมอ คล้ายเข้านอนไปนานแล้ว
ความมืดไม่อาจหยุดยั้งการมองเห็นตอนกลางคืนของแมวได้ ข้าค่อยๆ ย่องเข้าไป เพ่งพิศเตียงหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเริ่มลงมือที่ปลายเตียงก่อน