บทที่สิบเจ็ด ภูเขาลั่วอิงตายแล้ว
ไม่รู้หลับไปนานเพียงใด ตอนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เทพปี้ชิงกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ด้านข้าง ข้าโก่งตัวขึ้นอ้าปากหาว กระโดดลงจากเตียงจะวิ่งเล่น คิดไม่ถึงว่าร่างกลับแข็งตึง ดึงเนื้อจนรู้สึกเจ็บ จึงนึกได้ว่าตนเองยังอยู่ในสภาพแมวพันผ้า
เทพปี้ชิงเห็นข้าตื่นขึ้นมาก็วางหนังสือลงแล้วเดินมาข้างกาย อุ้มข้ากลับไปที่เตียงอีกครั้ง “เจ้าไม่ใช่แง่งอนอยากจะนอนที่เตียงหลังนี้หรือ เวลานี้ข้าอนุญาตให้เจ้านอน ห้ามลงมา!”
“แต่…” ข้ากำลังคิดจะขอให้เอาผ้าพันแผลบนตัวออก พลันนึกได้ว่าตนเพิ่งรับปากเขาว่าจะอดทน สุดท้ายก็ได้แต่เดินไปที่ด้านข้างอย่างหน้าม่อยคอตกนั่งลงแต่โดยดี แล้วใช้แววตาน่าสงสารมองเขา “ข้าจะกินอาหาร”
ในเวลานี้เอง เสี่ยวหลินก็ส่งเสียงขึ้นอย่างนอบน้อมที่หน้าประตูพอดี “ท่านเทพ ข้าจัดเตรียมอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วขอรับ”
ข้ากระโดดด้วยความดีใจอยู่บนเตียง ร้องเอะอะขึ้น “ข้าจะกิน! ข้าจะกิน!”
เทพปี้ชิงถอนใจ เดินเข้ามาอุ้มข้าวางลงบนโต๊ะหนังสือ แล้วหันไปพูดกับข้างนอก “ให้พวกเขายกอาหารเข้ามาเถิด ของเหมียวเหมียวก็ยกเข้ามาด้วย”
ไม่นาน สาวใช้กับเด็กรับใช้ก็เดินเข้ามาเป็นแถว ข้าเห็นจิ่นเหวินเสบียงสำรองของข้าก็อยู่ในแถวด้วย นางแต่งตัวงดงามเป็นพิเศษ เดิมทีแดนปีศาจกับแดนสวรรค์ก็ไม่มีใครอัปลักษณ์ แต่ในหมู่หญิงงามนั้น รูปโฉมของนางกลับยังคงดึงดูดสายตายิ่งกว่าคนอื่น บนร่างมีกลิ่นหอมของปลาจางๆ ทำให้ข้ารู้สึกว่านางดูรสชาติดีเป็นพิเศษ
จิ่นเหวินเดินมาถึงเบื้องหน้า วางจานในมือลง พูดกับข้าอย่างเอาใจ “นี่เป็นปลาไข่มุกที่หายากจากทะเลตะวันออก ท่านเทพกับท่านเหมียวเหมียวโปรดชิมดู”
กลิ่นของปลาดูเหมือนจะสดใหม่กว่าที่ผ่านมา ข้าที่ท้องร้องโครกครากมานานแล้วรีบกระโจนเข้าไปกินอย่างตะกละตะกลาม คนอื่นเห็นแล้วขมวดหัวคิ้วอยากแอบหัวเราะ แต่เพราะกลัวเทพปี้ชิงที่อยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าออกเสียง
เทพปี้ชิงก็คีบอาหารประเภทผักผลไม้กินช้าๆ หลังจากกินโจ๊กอิ๋นซิ่ง ไปไม่กี่คำ จู่ๆ ก็ผงกศีรษะบอก “วันนี้เปลี่ยนพ่อครัวหรือ”
จิ่นเหวินก้าวออกมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองของนางหวานหยาดเยิ้ม มองเทพปี้ชิงแล้วเอ่ยขึ้น “บ่าวเชี่ยวชาญการทำอาหาร ดังนั้นวันนี้จึงเข้าครัวไปช่วยทำอาหารมาสองสามจาน ไม่ทราบถูกปากท่านเทพหรือไม่”
เทพปี้ชิงยังไม่ได้พูดอะไร ข้าก็ร้องขึ้นมา “วันนี้ทำปลาได้อร่อยเป็นพิเศษ! จิ่นเหวิน เจ้าช่างร้ายกาจ!”
“เจ้ากินอาหารอยู่เต็มปาก ผิดหลักอันพึงปฏิบัติ” เทพปี้ชิงย่นหัวคิ้ว ให้สาวใช้เอาผ้ามาให้ข้าเช็ดปาก แล้วหันไปมองจิ่นเหวิน มองจนนางหน้าแดง จากนั้นก็กล่าวไม่รีบไม่ร้อน “ในเมื่อเจ้ามีฝีมือในการทำอาหาร ต่อไปก็อยู่ที่ห้องครัวทำอาหารให้เหมียวเหมียวโดยเฉพาะ สำหรับข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องอาหารสักเท่าใด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก”
“ดีๆ!” ข้านับวันก็ยิ่งชอบเสบียงสำรองที่เฉลียวฉลาดมีความสามารถผู้นี้ จึงส่งเสียงขึ้นมาด้วยความดีใจ “ต่อไปจิ่นเหวินก็มาอยู่ข้างกายข้าแล้วกัน จะได้ทำปลาให้ข้ากินทุกวัน”
สีหน้าของจิ่นเหวินเปลี่ยนเป็นซีดขาว นางขยับริมฝีปากคล้ายจะพูดอะไรแต่กลับไม่ได้พูดออกมา สุดท้ายก็ลาจากไปด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
เทพปี้ชิงมองเงาร่างด้านหลังที่เดินจากไปของจิ่นเหวิน แล้วกล่าวกับเสี่ยวหลินด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หญิงผู้นี้ดูเหมือนจะมีจุดประสงค์และแผนการอะไรอยู่ในใจ ต่อไปอย่าให้นางเข้ามาอยู่ใกล้ข้าที่นี่ และคอยจับตาดูว่านางมีการเคลื่อนไหวประหลาดอะไรหรือไม่”
เสี่ยวหลินก้าวมาข้างหน้ารับคำสั่งแล้วถอยไป