ข้าที่กินอิ่มดื่มพอแล้วกลับนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ รีบดึงแขนเสื้อเทพปี้ชิงแล้วเอ่ยถาม “จิ่นเหวินไม่อาจมาอยู่กับข้าแล้ว เพราะข้าจะกลับภูเขาลั่วอิง ท่านรับปากข้าไว้ ถ้าข้าไม่ปวดศีรษะแล้วก็กลับไปได้ ตอนนี้ข้าไม่ปวดแล้ว”
“นี่…” เทพปี้ชิงลูบศีรษะข้าด้วยท่าทางลำบากใจเล็กน้อย “เจ้ามีบาดแผลบนร่างกาย อีกทั้งเจ้าก็เป็นศิษย์ของข้าแล้ว อย่ากลับไปจะดีกว่า”
“ท่านพูดไม่เป็นคำพูด!” ข้าเบะปากด้วยความโกรธ
เทพปี้ชิงใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะแล้วถามขึ้น “ข้าจะให้ปลาเจ้ากินมากๆ เจ้าไม่ต้องกลับไปภูเขาลั่วอิงดีหรือไม่”
เงื่อนไขนี้เย้ายวนใจยิ่ง ทำให้ข้าลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงสีหน้าโกรธโมโหของอีกา ก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที จึงร้องขึ้น “ข้าจะกลับไป ออกมานานแล้ว อิ๋นจื่อจะโกรธ”
“อิ๋นจื่อ อีกาตัวนั้นหรือ” เทพปี้ชิงถาม
ข้าบอกอย่างภาคภูมิใจ “ใช่แล้ว! ข้าไม่อยู่เช่นนี้ เขาจะถูกปีศาจข่มเหงรังแก เจ้านั่นเรื่องการต่อสู้ใช้การไม่ได้เลย”
เทพปี้ชิงถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเขาไม่น่าจะอยู่แล้ว”
“เพราะอะไร” ข้าไม่เข้าใจ
เทพปี้ชิงลังเลอยู่นานจึงบอก “ภูเขาลั่วอิงเกิดแผ่นดินไหว ฝูงปีศาจบนภูเขาสูญหายกระจัดกระจาย ข้าเคยไปค้นหาอยู่ครั้งหนึ่ง กลับไม่เห็นปีศาจอีกาตัวนั้น”
“ท่านพูดเหลวไหล!” ข้ากรีดร้องขึ้นมา “อิ๋นจื่อไม่มีทางทอดทิ้งข้า! เขาจะต้องรอข้าอยู่!”
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า”
“โกหก!”
หลังจากเทพปี้ชิงเห็นข้ายืนกราน ทั้งยังกลิ้งไปมาบนพื้นเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ในที่สุดก็ยอมอ่อนข้อบอกถ้าข้าทำตัวว่าง่ายตลอดหลายวันนี้ ให้บาดแผลบนร่างกายดีขึ้นแล้วก็จะพาข้ากลับไปดู
ทว่าหลังจากหลายวันผ่านไป เมื่อเขาพาข้าลงไปแดนมนุษย์ ตรงกลับไปที่ภูเขาลั่วอิง ข้าก็เห็นพื้นที่บนยอดเขาแยกออกจากกัน ต้นไม้จำนวนมากล้มระเนระนาดอยู่ทั่วทุกหนแห่ง หินผาแตกทลายลงมา น้ำในลำธารแห้งขอด ในอากาศมีแต่กลิ่นคาวโลหิต นอกจากเสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บแล้วก็แทบไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตใดๆ หลงเหลืออยู่ ข้าเห็นกวางน้อย กระต่ายขาว หมีที่เมื่อก่อนเคยเล่นกับข้า ศพของพวกเขาแทบจะเหลือแต่กระดูกสีขาวแล้ว มีหนอนจำนวนนับไม่ถ้วนคลานอยู่บนนั้น ในใจของข้ายิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
“อิ๋นจื่อ!” ข้าร้องตะโกนเสียงดัง
เขาไม่ได้ขานรับข้าด้วยความรำคาญเหมือนแต่ก่อน บนท้องฟ้ามีอีกาที่กินของเน่าเปื่อยบินมาฝูงหนึ่ง แต่กลับไม่มีอีกาสีขาวเลยสักตัว
“อิ๋นจื่อ! เจ้าอยู่ที่ใด” ในใจของข้าออกจะสับสนว้าวุ่น รีบเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ได้โค่นลงมาต้นหนึ่ง กวาดตามองไปทั่วสี่ทิศ
แต่เขายังคงไม่มาปรากฏตัว…
ครั้นแล้วข้าก็กระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่เตรียมจะวิ่งกลับไปยังถ้ำที่ข้ากับอิ๋นจื่อพักอาศัยอยู่ด้วยกัน เทพปี้ชิงที่อยู่ข้างหลังกลับยับยั้งข้าไว้ จากนั้นก็ใช้วิชาอาคมกับตนเอง กลิ่นอายของเขาจางลงและหายไปในอากาศ
“ท่านทำอะไร” ข้าถามอย่างไม่เข้าใจ
เทพปี้ชิงตอบว่า “ปีศาจล้วนหวาดกลัวกลิ่นอายของข้า เวลานี้ใช้อาคมบังกายแล้ว พวกเขามองไม่เห็นข้า จะได้เคลื่อนไหวสะดวก”
ข้าพยักหน้าคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ จากนั้นก็วิ่งตรงไปข้างหน้า เขาอยู่ข้างหลังตามฝีเท้าข้ามาอย่างสบายๆ