ข้าเห็นเขามีท่าทีอ่อนโยน ท่าทางไม่เหมือนคนที่ชิงชังข้าจึงบอกไปตามตรง “ข้าคือฮวาเหมียวเหมียว”
“ฮวาเหมียวเหมียว?” บุรุษตรงหน้าย่นหัวคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนข้าจะได้ยินอยู่ เมื่อไม่นานมานี้มีวังเซียนสักแห่งเอาแมวมาเลี้ยง…”
“ได้ยินชื่อผู้อื่นแล้วก็ต้องแจ้งชื่อของตนออกมาด้วยสิ” ข้าเงยหน้าขึ้นพูดอย่างจริงจัง
“หึๆ” บุรุษผู้นั้นหัวเราะขึ้น เขายื่นมือมาลูบเส้นผมยาวสีน้ำเงินอมม่วงของข้าแล้วบอก “ข้าชื่อเอ๋าอวิ๋น”
“เจ้าอยู่ที่นี่ทำอะไรหรือ” ข้าถามต่อ
“นัดพบกันอย่างลับๆ” แววตาของเอ๋าอวิ๋นที่มองข้ายิ่งดูประหลาด มือของเขาเลื่อนมาที่ใบหน้าของข้าพลางจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่นานก็หัวเราะ เอ่ยถามขึ้น “หรือว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังไม่เข้าใจเรื่องทางโลก”
“อะไรคือ ‘เรื่องทางโลก’ ” ข้าไม่เข้าใจ
เขาไม่ได้ตอบคำถามข้า เพียงกล่าวอย่างตำหนิ “เมื่อครู่เจ้าทำให้คู่นัดหมายของข้าตกใจหนีไปแล้ว ใช่สมควรต้องชดใช้ข้าหรือไม่”
“ชดใช้อย่างไร” ข้ายังคงไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เจ้ามาทำเรื่องทางโลกที่เมื่อครู่นางยังทำไม่เสร็จแทนนางดีหรือไม่” เอ๋าอวิ๋นโน้มตัวลงมารั้งข้าเข้าไปในอ้อมแขน ลมหายใจของเขาเป่ารดอยู่ตรงลำคอ ทำให้รู้สึกคันยุบยิบ
เส้นผมสีแดงกับเส้นผมสีน้ำเงินอมม่วงพันพัวกัน มีบรรยากาศเย้ายวนอารมณ์อันงดงาม ข้าเบิกตาโตด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ว่าถัดจากนี้เขาจะทำอะไร
“เพราะเหตุใดเจ้าปีศาจน้อยผู้นี้จึงมาอยู่ที่นี่ได้” เขาดึงข้าให้นั่งคร่อมอยู่บนขาของเขา แล้วค่อยๆ ปลดสายรัดเอวออก
ได้ยินเขาเอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดรวดร้าวใจ ข้าพลันลู่ใบหูลงด้วยความเสียใจ พูดเสียงกระซิบ “เพราะ…ข้าไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรผู้อื่นจึงจะชอบข้า”
การเคลื่อนไหวของเอ๋าอวิ๋นพลันหยุดชะงัก ในดวงตาเต็มไปด้วยแววขบคิด “คนที่เจ้าชอบเขาไม่ชอบเจ้าหรือ”
ข้าชอบเล่นกับหวาวาและจิ่นเหวินจริง…ดังนั้นจึงพยักหน้าจริงจัง
“คนผู้นั้นจะต้องสายตาใช้ไม่ได้ ไม่สู้เปลี่ยนเป็นข้ามาชอบเจ้า รักและทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างไร” เอ๋าอวิ๋นยิ้มพลางเอานิ้วมาแตะจมูกข้า “ขอเพียงเจ้ายอมเชื่อฟังแต่โดยดี ข้าก็จะพาเจ้ากลับวังมังกรไปเป็นอนุ”
“ดีสิๆ” บนร่างของบุรุษผู้นี้มีกลิ่นน้ำทะเลที่ข้าชอบ เขาปลอบโยนข้าด้วยความใส่ใจทำให้ข้าอดซาบซึ้งใจไม่ได้ จึงรีบพยักหน้า
เอ๋าอวิ๋นไม่พูดอะไรอีก หากแต่ปลดเสื้อตัวบนของข้าลงแล้วจุมพิตไปที่หัวไหล่ ทำรอยดอกท้อไว้หลายดอก
ข้าพลันนึกถึงคำสั่งกำชับของหลัวช่า จึงรีบดึงเสื้อกลับขึ้นมาแล้วร้องขึ้น “พี่สะใภ้เคยบอกข้าว่าไม่อาจถอดเสื้อผ้าส่งเดช จะถูกคนเลวจับกิน!”
เอ๋าอวิ๋นสีหน้าแข็งค้าง เพียงอึดใจเดียวก็หัวเราะกล่าวว่า “ที่นางบอกคือไม่ให้เจ้าถอดเสื้อผ้าส่งเดช แต่ได้บอกไม่ให้ผู้อื่นถอดให้เจ้าหรือไม่”
“นี่กลับไม่มี” ข้าสั่นศีรษะ ครั้นแล้วก็ปล่อยเขาถอดต่อไป