บทที่หก คชสารตัวโตขอหมั้นหมาย
บนภูเขาลั่วอิง ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้า ปกคลุมยอดเขาทั้งลูกจนมืดครึ้ม กล่าวสำหรับแมวที่เป็นสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน ที่แห่งนี้นับเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยอันหาได้ยากยิ่ง
แต่…ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้า
กระโดดลงจากปีกอีกา ข้าก็หมอบอยู่บนพื้น ดมๆ ทางซ้าย ดมๆ ทางขวา ล้วนไม่มีกลิ่นอายที่คุ้นเคย อดที่จะหันไปมองทุกคนแล้วส่งเสียงร้องออกมาหลายคำด้วยความเศร้ารันทดไม่ได้
จอมมารวัวกระทิงกับหลัวช่าต่างมองหน้ากัน อีกาเปลี่ยนร่างเป็นอิ๋นจื่ออีกครั้ง เขาเดินเข้ามายิ้มให้ข้าก่อนบอก “ลุกขึ้น พวกเรากลับถึงบ้านแล้ว”
นี่ไม่ใช่บ้านของข้า!
ข้านั่งอยู่บนพื้น โคลงศีรษะไปมาแสดงท่าทีไม่ยอมลุกขึ้น เขากลับใช้กำลังคว้าแขนข้า คิดจะดึงขึ้นมา
“ไม่!” ข้าสะบัดแรงๆ อิ๋นจื่อที่ผอมบางจึงปลิวออกไป ร่างกระแทกกับต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล แรงกระแทกทำให้ต้นไม้ใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบไหวเอนไปมา
ใบไม้แห้งร่วงพรูราวกับฝนตก เขาเช็ดๆ คราบโลหิตที่มุมปาก ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมายืนกลางฝนใบไม้ เดินมาตรงหน้าข้าอีกครั้ง จับมือทั้งสองของข้าไว้แล้วยืนกราน “ลุกขึ้นมา!”
ข้าเงยหน้าขึ้นมองนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นของอิ๋นจื่อ ในดวงตามีแววรันทดใจที่อ่านไม่ออก ไม่รู้เพราะเหตุใดความรันทดใจนี้จึงเสียดแทงเข้าไปในความทรงจำที่อยู่ในสมอง เกิดลูกคลื่นเป็นระลอกริ้ว ถึงกับทำให้ข้าค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตามการฉุดดึงของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ดีๆ เช่นนี้ถูกต้องแล้ว” จอมมารวัวกระทิงจะเข้ามาช่วยประคองแขนข้าอีกข้างหนึ่ง แต่กลับถูกหลัวช่าถลึงตาใส่ เขาจึงยิ้มเจื่อนพลางหดมือกลับไป
ในที่สุดอิ๋นจื่อก็ยิ้ม เขาประคองข้าเดินขึ้นไปบนยอดเขาทีละก้าวๆ ข้าเดินตามจังหวะก้าวของเขา ลองเดินด้วยสองขา กลับพบว่าไม่ได้ยากลำบากอย่างที่คิด ทั้งยังเดินได้สะดวกสบายยิ่ง
ครู่เดียวข้าก็เริ่มออกวิ่ง ประเดี๋ยวก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ กระโดดข้ามลำธาร อิ๋นจื่ออยู่ข้างหลังก็กางปีก บินลอดกิ่งไม้ไล่ตามความเร็วของข้า
ทันใดนั้น กลิ่นสัตว์ป่าที่ฉุนเฉียวก็หยุดยั้งฝีเท้าของข้าไว้ เสือตัวหนึ่งหางตาชี้ชัน หน้าผากมีลายสีขาวก็กระโดดออกมาจากพุ่มไม้ หยุดยืนอยู่เบื้องหน้าข้า เขี้ยวที่น่ากลัวคล้ายมีน้ำลายไหลหยด นัยน์ตาเปี่ยมอานุภาพน่าครั่นคร้ามเจือรังสีเข่นฆ่าไร้ที่สิ้นสุด
“เมี้ยว!” ข้าตกใจร้องเสียงดังออกมาคำหนึ่ง รีบขดตัวหลบอยู่ข้างหลังอิ๋นจื่อที่กลับมาเป็นร่างคน พูดเสียงสั่น “มี…มีเสือ ตี…ตีเขาให้ตาย!”
“ต้าหวัง* โปรดไว้ชีวิต!” เสือตัวนั้นกลับย่อสองขาหน้าคุกเข่าลงกับพื้นทันที ปากเอ่ยภาษามนุษย์ “ข้าน้อยมาต้อนรับช้า นับว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ต้าหวังได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วย!”
ข้าไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร เอาแต่คว้าคอเสื้ออิ๋นจื่อไว้แน่นแล้วบอก “เสือ! เสือ! รีบตีเขาให้ตาย!”
เสือคุกเข่าอยู่กับพื้น โขกศีรษะไม่หยุดพลางร้องว่า “ต้าหวังได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วย! ต้าหวังได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วย!”
ข้ากับเสือยิ่งร้องก็ยิ่งดังกังวาน ระหว่างนั้นยังมีเสียงโขกศีรษะ อิ๋นจื่อถูกรัดคอจนหน้าแดง แทบจะหายใจไม่ได้ จะพูดก็พูดไม่ออก
ยังดีที่ภายหลังจอมมารวัวกระทิงไล่ตามมาทัน เขาเห็นเหตุการณ์ก็ตวาดขึ้น “พวกเจ้ากำลังทำอะไร!”
ข้ารีบปล่อยอิ๋นจื่อ กระโจนเข้าไปที่ข้างกายเขา ร้องบอก “มีเสือ! พี่ชายช่วยข้าด้วย!”
จอมมารวัวกระทิงยังไม่ทันได้ตั้งสติ หลัวช่าก็รีบเข้ามาผลักข้าออก จากนั้นก็กอดข้าไว้หลวมๆ พลางปลอบโยน “น้องสาวไม่ต้องกลัว เสือตัวนี้เชื่องยิ่งนัก เชื่อฟังคำสั่งมาก ไม่เชื่อเจ้าบอกให้เขากลิ้งไปมาสักหลายรอบให้ดูสิ”
ข้ามองสายตาจริงจังของหลัวช่า กึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แล้วรวบรวมความกล้าเดินไปหยุดเบื้องหน้าเสือ ก่อนร้องสั่ง “นั่งลง!”
เสือนั่งลงทันที
ข้าย้อนนึกถึงคำสั่งฝึกลูกสุนัขที่เคยเห็นเมื่อก่อน จึงพูดขึ้นติดๆ กัน “หมอบลง กลิ้งไป แกล้งตาย อยู่นิ่งๆ ห้ามขยับ!”
ปรากฏว่าเสือตัวนี้กลับเชื่อฟังยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก รีบปฏิบัติตามคำสั่งของข้าทุกอย่าง ยามนี้นอนอยู่กับพื้น ขาทั้งสี่ชี้ฟ้า
“สนุกยิ่งนัก! สนุกยิ่งนัก!” ข้าตบมือยังคิดจะสั่งอีก กลับถูกอิ๋นจื่อที่หายใจได้แล้วลากเดินเข้าไปในถ้ำบนภูเขาที่ซุกซ่อนอยู่ บอกอีกประเดี๋ยวค่อยให้ข้าเล่นต่อ