ซินลู่ถอนหายใจรับคำว่า ‘เจ้าค่ะ’ พลางครุ่นคิดว่าอีกเดี๋ยวจะให้คำตอบซื่อจื่ออย่างไรดี ตลอดทางที่ผ่านมาเด็กผู้นั้นรบเร้านางไม่รู้กี่ครั้ง นางเพิ่งจะสบโอกาสเอ่ยขอให้เมื่อครู่นี้เอง แต่แล้วก็ไม่สำเร็จ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้เป็นนายก็ถามขึ้นว่า “อีกไกลเท่าไร”
สาวใช้เอ่ยตอบ “ไม่ถึงสิบลี้เจ้าค่ะ” จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
บทสนทนาเงียบหาย เหลือเพียงเสียงล้อรถบดลึกลงไปในพื้นหิมะดังแซ่กๆ
หลี่ชีฉือนั่งสำรวมตัวตรง อันที่จริงหัวใจนางก็พะวงห่วงหลานชายเช่นกัน
เด็กที่แสนน่าสงสารผู้นั้นเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของกวงอ๋อง พี่ชายนาง
แรกสุดชายากวงอ๋องเสียชีวิตตอนคลอดเขา ต้องจากโลกนี้ไปทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าเลือดในอก
พี่ชายนางพรวดพราดเข้ามาในห้อง อุ้มลูกน้อยคุกเข่าร่ำไห้ต่อหน้าศพชายา ลั่นสัตย์สาบานว่าจะฟูมฟักเลี้ยงดูเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาและนางเป็นอย่างดี
แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปี พี่ชายก็ไม่เคยแต่งงานครั้งที่สอง
จวบจนปีกลาย สองพ่อลูกไปเซ่นไหว้และทำความสะอาดสุสานชายากวงอ๋อง ขากลับเจอน้ำป่าจากภูเขาไหลหลากลงมาอย่างฉับพลัน ผู้ติดตามในขบวนไม่รอดชีวิตแม้แต่ผู้เดียว
พี่ชายนางใช้ร่างปกป้องลูกไว้อย่างแน่นหนา บุตรชายจึงปลอดภัยดีทุกประการ ส่วนตนเองนั้นกว่าจะช่วยออกมาได้ก็อยู่ในสภาพหมดสติ เปียกปอนด้วยดินโคลนทั้งเนื้อทั้งตัว เมื่อกลับมาถึงตำหนักก็ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้อีกเลย
หลังบุพการีตายจาก หลี่ชีฉือเติบโตมาได้ด้วยการดูแลของพี่ชายผู้ซึ่งทั้งรักทั้งตามใจและให้อิสระนางเสมอมา แม้นางจะออกไปตะลอนๆ อยู่ข้างนอกตลอดเวลา เขาก็ไม่เคยยุ่มย่ามก้าวก่ายว่าไปทำอะไรที่ใดบ้าง
ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าระหว่างที่นางจากบ้านจากเรือนไปครานั้น พี่ชายจะประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ เมื่อนางรีบรุดกลับเรือนมา เสาหลักของตำหนักกวงอ๋องก็ได้ล้มลง เกียรติยศความยิ่งใหญ่ที่เคยมีสิ้นสูญ
อาการของเขาเกินเยียวยา ได้แต่ต้องรอวันตายเท่านั้น
ในวาระสุดท้ายของชีวิต พี่ชายยังมีห่วงอยู่แค่เพียงสองเรื่องคือ…บุตรชายกับน้องสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน
วันนั้นเขาบอกกับนางอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่าได้ส่งหนังสือไปเร่งรัดคนของจวนเหอลั่วโหวแล้ว
หลี่ชีฉือหมั้นหมายกับซื่อจื่อของจวนเหอลั่วโหวแห่งลั่วหยางมานานหลายปี บุพการีนางเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เอาไว้ตั้งแต่สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่
นางเคยฟังมาว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง เหอลั่วโหวมาเยี่ยมเยือนที่ตำหนัก เห็นนางเข้าก็ตกตะลึงในความงดงามของรูปโฉม ถึงกับเอ่ยปากขอนางให้บุตรชายตนเองตรงนั้นเลย
แน่นอนว่านั่นเป็นคำกล่าวของทางเหอลั่วโหว ส่วนหลี่ชีฉือจำอะไรไม่ได้เพราะยังเล็กนัก นางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงชมตนเสียเลิศลอย
ตำหนักกวงอ๋องส่งจดหมายไปนานแล้ว ทางจวนเหอลั่วโหวก็ยังไม่มาเจรจาเรื่องแต่งงานเสียที
รออยู่สามเดือน ในที่สุดก็มีคนมาเข้าพบ ทว่าจุดประสงค์คือขอถอนหมั้น
เห็นว่าเหอลั่วโหวซื่อจื่อผู้นั้นไปผูกสมัครรักใคร่กับผู้อื่น คนเป็นพ่อเองก็จนปัญญา