เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณ นักรบจมูกเหยี่ยวนัยน์ตาเป็นประกายเย็นเยียบคนหนึ่งขี่ม้าออกมาจากข้างหลัง ดูก็รู้ว่าเหี้ยมโหดดุดัน ไม่ใช่คนดี
เจียงหานหยวนมองอีกฝ่ายชักดาบพลางควบม้าเข้ามาใกล้ ตัวนางยังคงจับบังเหียนม้าไว้ด้วยมือข้างเดียวโดยไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งนักรบผู้นั้นใกล้เข้ามาจนอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งช่วงหัวม้าแล้วเงื้อดาบ นางก็ถีบเท้าทั้งสองข้างพาตัวทะยานขึ้นไปในอากาศและโผเข้าใส่ สองแขนคว้ากระชากอีกฝ่ายให้ร่วงตกลงจากหลังม้า ก่อนจะร่อนลงบนพื้น
นางรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้กระบวนท่าที่ได้จากการซ้อมต่อสู้ในลานฝึกใช้งานไม่ได้ มีแต่ต้องสู้ประชิดตัวแบบจะฆ่ากันให้ตายไปข้างเหมือนเวลาอยู่ในสนามรบเท่านั้น
นักรบจมูกเหยี่ยวรู้สึกเสียหน้าที่ต้องให้เจ้านายกับพรรคพวกเห็นตนเองร่วงตกจากหลังม้า ประกายอำมหิตในดวงตายิ่งวาวโรจน์ เขากลิ้งตัวลุกจากพื้น ตวัดดาบใส่เจียงหานหยวนเป็นครั้งที่สอง ครานี้ทั้งรวดเร็วและหนักหน่วงปานสายฟ้าฟาด คมดาบที่มาพร้อมแรงลมหมายจะฟันฉัวะลงมากลางกระหม่อมนาง
ชื่อซูติดตามการเคลื่อนไหวมาถึงตรงนี้ก็แววตาไหววูบ นึกบริภาษความวู่วามของผู้ใต้บังคับบัญชาในใจ
สตรีผู้นี้เป็นแม่ทัพหญิงของต้าเว่ย บุตรสาวของเจียงจู่วั่ง และชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการ หากได้นางมาไว้ในมือย่อมถือเป็นดอกผลอันมหาศาลที่ได้มาอย่างเหนือความคาดหมายในการเดินทางลงใต้ครานี้
เขากำลังจะยื่นมือเข้าไปห้าม กลับเห็นว่าเจียงหานหยวนเอี้ยวตัวหลบการจู่โจมได้ คมดาบเพียงแค่เฉียดกระหม่อมตัดผมนางลงมาปอยหนึ่ง
เจียงหานหยวนอาศัยจังหวะที่ดาบของคู่ต่อสู้ยังเหลือแรงโถมลงข้างล่าง รีบยกมือกระชากแขนข้างที่ถือดาบของเจ้าตัวอย่างแรงจนร่างนั้นเอียงวูบแล้วหงายหลังล้มลงกับพื้น ตัวนางเองก็ถลาเซลงกับพื้นตามแรงดึงจากร่างใหญ่ยักษ์ด้วยเช่นกัน ทว่าในพริบตานั้นเองหญิงสาวก้มลงไปดึงมีดสั้นออกมาจากรองเท้าหุ้มแข้งที่สวมอยู่ แล้วเงื้อมือจ้วงแทงใส่ท้องน้อยฝ่ายตรงข้ามในระยะประชิด
คนผู้นั้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แต่ความบึกบึนเหี้ยมหาญทำให้ยังคงลุกพรวดขึ้นมาได้และทำท่าจะจู่โจมกลับ ทว่าเจียงหานหยวนไหนเลยจะยอมให้โอกาสอีกฝ่าย นางดึงมีดออกมาพร้อมกระโจนราวกับพยัคฆ์เข้าไปแทงซ้ำตรงตำแหน่งหัวใจ มือจับด้ามมีดควงคว้านขยับโยกจนเลือดสดๆ พุ่งกระฉูดประหนึ่งน้ำพุ นักรบจมูกเหยี่ยวล้มตึงลงกับพื้นอย่างสุดทานทน ชักกระตุกได้ไม่กี่ทีก็สิ้นใจ
ตั้งแต่กระโดดออกจากหลังม้า โผเข้าปะทะ ร่อนลงพื้น จนถึงปลิดชีพคู่ต่อสู้ได้ในมีดที่สอง ทุกอย่างเกิดขึ้นในไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
ชื่อซูกับพวกพ้องของนักรบตะลึงงันไปตามๆ กัน พอตั้งสติได้องค์ชายแห่งเป่ยตี๋ก็จ้องมองเจียงหานหยวนด้วยแววตาที่ต่างไปจากเดิม
นักรบที่ส่งออกไปจับกุมนางเมื่อครู่ติดตามรับใช้เขามานานปี ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา เป็นหนึ่งในสิบทหารกล้าใต้บังคับบัญชาของเขา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้น เขากลับต้องมาตายตกใต้คมมีดนางเช่นนี้ นี่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ
คราวนี้ในที่สุดเขาก็เชื่อแล้วว่าแม่ทัพหญิงแห่งต้าเว่ยผู้มีชื่อเสียงเลื่องระบือเหนือที่ราบชิงมู่นั้นเป็นอสุราหญิงที่ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาจริงๆ ต่างจากรูปลักษณ์ที่ชวนให้เขาเข้าใจผิดเมื่อแรกเห็นจนเกิดสงสารอย่างสิ้นเชิง
การรับมือกับศัตรูที่ไม่อาจประมาทเช่นนี้จะชะล่าใจใดๆ ไม่ได้อีกแล้ว จากที่เคยพะวักพะวนเรื่องให้คนหมู่มากรุมนางคนเดียวก็ต้องเลิกคิด เป้าหมายเพียงหนึ่งที่มีคือต้องจับนางกลับไปให้ได้
เขาหรี่ตา จากนั้นก็ยกมือให้สัญญาณอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่คนเดียวที่มาประลองด้วย แต่สิบกว่าคนที่เหลือเข้ามาล้อมนางไว้ทั้งหมด
เจียงหานหยวนถอยกรูดไปที่ม้าของตนเอง ตอนแรกชื่อซูคิดว่านางจะขี่ม้าหนี ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางทำได้ เขาจึงไม่ร้อนรน ปรากฏว่านางกลับใช้ม้าเป็นที่กำบังกาย ก่อนจะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากถุงหนังที่ห้อยอยู่ข้างอานม้า แล้วคำรามลั่น “ชื่อซู!”
องค์ชายหกหันไปมองตามเสียง เห็นเชือกเส้นหนึ่งลอยลิ่วมาเหนือศีรษะตนเองราวกับงูขดตัว พอร่วงลงมาคล้องร่างเขาไว้ก็กระตุกรัดแน่นทันที