ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 38-39 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 38-39

เจียงหานหยวนซ่อนตัวอยู่กลางหน้าผาจริงๆ ในซอกหินเล็กแคบที่คนเข้ามายืนตัวตรงพร้อมกันได้เพียงสองคน

ชั่วขณะที่หมุนตัวกระโดดลงมาอย่างไม่ลังเล ความสิ้นหวังในหัวใจทำให้นางนึกถึงความรู้สึกของมารดา ว่าเหตุใดตอนนั้นมารดาถึงเลือกที่จะขว้างนางลงจากหน้าผามากกว่าจะมีชีวิตอย่างไร้จุดมุ่งหมาย หากเป็นนาง นางก็ไม่มีวันยอมถูกศัตรูใช้เป็นตัวประกันไว้ข่มขู่หรือสร้างความอัปยศเช่นกัน ระหว่างที่ร่างทิ้งดิ่งลงไปด้านล่างด้วยความเร็วสูง ศีรษะพลันกระแทกเข้ากับหินโดยแรงจนนางแทบหมดสติ หากแต่ร่างกายยังคงสัมผัสความเจ็บปวดที่ถูกเงี่ยงแง่งและหนามไม้เลื้อยบนผาหินข่วนตำได้อย่างชัดเจน สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดทำงานเต็มที่ ดึงสตินางกลับมาอีกครั้ง

มารดาใช้ผ้าห่อนางไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะขว้างนางลงจากหน้าผาสุดแรงเกิด เพราะหวังให้นางมีชีวิตรอด ตัวนางเองก็รับปากผู้ใต้บังคับบัญชาในค่ายชิงมู่ไว้ว่าจะกลับไปร่วมเป็นร่วมตาย ยืนหยัดสู้ศัตรูเคียงข้างพวกเขา นอกจากนั้นยังมี…

ชั่วเสี้ยวขณะหนึ่งภาพคืนแต่งงานปรากฏขึ้นในความคิดอีกครั้ง เบื้องหน้าแสงโคมไฟที่สว่างไสวราวกับยามกลางวัน ประตูรถม้าเปิดออกอย่างเนิบนาบ อีกทั้งใบหน้าของบุรุษที่ยื่นมือมาประคองนางลงจากรถม้า

เขาเป็นสัญลักษณ์ของต้าเว่ย ส่วนนางก็แต่งงานกับต้าเว่ย

ไม่มีวันเสียหรอกที่นางจะยอมตายไปทั้งอย่างนี้ แล้วปล่อยให้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ที่นางยินยอมพร้อมใจเองต้องมาจบสิ้น

ประสบการณ์ที่เคยกระโดดลงจากผากระบี่เหล็กนับครั้งไม่ถ้วนช่วยเจียงหานหยวนให้เอาชีวิตรอดจากวิกฤตครานี้ นางพยายามควบคุมพละกำลังขืนร่างที่กลิ้งหลุนๆ ไปตามผาให้ชะลอความเร็วลง และไม่ให้ร่างกระดอนจนปลิวออกไป พร้อมกันนั้นก็เหยียดแขน กางมือคว้าทุกอย่างที่พอให้ยึดเป็นหลักได้ ไม่ว่าจะชะง่อนหินที่ยื่นออกจากผาหรือต้นหญ้ากับเถาวัลย์บริเวณใกล้เคียงกับจุดที่กลิ้งผ่าน ทว่าล้มเหลวติดๆ กันหลายรอบ จังหวะที่ร่างกระดอนลอยออกมากลางอากาศ ใกล้จะร่วงลิ่วลงไปด้านล่าง สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของนางก็ปะทุออกมาอย่างเข้มข้น ทำให้นางคว้าจับแง่งหินแง่งหนึ่งสำเร็จ แล้วฉวยเถาวัลย์เส้นหนาที่ผ่านลมฝนมานานปีบนนั้นเอาไว้ เถาวัลย์ถูกนางดึงจนทิ้งตัวลงมาเหมือนพร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ แต่ก็โชคดีที่ช่วยหยุดไม่ให้นางร่วงตกลงไปได้ชั่วคราว หญิงสาวตะกายตัวอย่างว่องไว จนในที่สุดก็สามารถปีนขึ้นไปแนบตัวติดกับผาหิน เหยียบยืนบนจุดที่พอวางเท้าได้ แล้วเคลื่อนที่ช้าๆ สุดท้ายก็เจอซอกหินแถวนั้นที่สามารถสอดตัวเข้าไปได้

ต่อเมื่อวิกฤตผ่านพ้น เจียงหานหยวนถึงเพิ่งตระหนักว่าตนเองบาดเจ็บตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่มือที่เต็มไปด้วยตุ่มไตสากกร้านยังเป็นแผลเหวอะหวะ หนักสุดคือขาซ้ายที่ถูกแง่งหินข่วนลึกเป็นทางยาวจนทำให้ร่างกายเสียเลือดเป็นจำนวนมากในตอนนี้ นางฉีกชายเสื้อเพื่อใช้พันแผล ทว่ามือสั่นเทาเสียจนจับผ้าไว้ไม่อยู่ ผ้าเลยถูกสายลมแรงริมผาพัดปลิวไป สุดท้ายนางก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพันแผลให้แน่นจนสำเร็จ เหลือแค่รอให้เลือดหยุดไหลเองช้าๆ แต่กว่าจะพันแผลเสร็จร่างกายก็อ่อนระโหยเต็มที ด้วยความที่ไม่ได้กินอิ่มมาหลายวันและเสียเลือดมากจึงสุดจะฝืนทนต่อไปได้ ตอนแรกแค่ตั้งใจเอนหลังพักผ่อนเล็กน้อยเพื่อให้เรี่ยวแรงฟื้นคืนโดยเร็ว ไม่นึกว่าพอหลับตาลงจะหมดสติไปทันที

อาจเพราะมีประสบการณ์ที่ต้องดื่มกินนมแม่หมาป่าช่วงแบเบาะ หรืออาจเพราะสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดทรงพลังแรงกล้าเกินไป เจียงหานหยวนจึงเหมือนหูหยาง* ต้นน้อยที่พยายามหยั่งรากลึกลงไปใต้ดิน ไม่มีวันยอมตายโดยง่าย เมื่อครู่นางค่อยๆ ฟื้นคืนสติ แผลที่ขาเลือดแข็งตัวจนหยุดไหลแล้ว

นางประเมินว่าตอนนี้เข้าวันที่สอง หากพวกชื่อซูยังพอมีสติปัญญาอยู่บ้างย่อมไม่มีทางรั้งรออยู่ที่นี่ต่อ

ตอนนี้นางอยู่ในซอกหิน ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส แขนขาไร้เรี่ยวแรง อยากปีนขึ้นไปด้านบนหรือลงไปด้านล่างด้วยตนเองคงไม่ต่างอะไรกับคนโง่เล่าความฝัน

นางนึกถึงบุรุษที่จูงตนเองลงจากรถม้าด้วยใบหน้าระบายยิ้มในคืนแต่งงานขึ้นมาอีกครั้ง

จริงอยู่ว่าคืนนั้นจบลงด้วยคำพูดเย็นชาที่เกิดจากโทสะผสมความอัปยศของเขา ก่อนที่เขาจะทิ้งนางไว้แล้วจากไป แต่หากรู้ว่านางไม่ได้กลับตำหนักแปรพระราชฐานหลายวัน เขาไม่มีทางไม่ไยดีอย่างแน่นอน ทั้งแผ่นดินต้าเว่ยในตอนนี้คนที่ไม่อยากให้นางตายมากที่สุดน่าจะเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการนี่ล่ะ หากนางตายไปก็เท่ากับแผนการของเขาสูญเปล่า ไหนจะต้องมีคำอธิบายให้บิดานางอีก เขาจะต้องส่งคนมาออกตามหานางแน่

เจียงหานหยวนนึกขึ้นได้ว่าตนพกแตรเขากวางติดตัวมาอันหนึ่ง จึงล้วงมันออกมา แล้วรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ช่วงที่ล่าสัตว์ด้วยกันกับเฉินหลุนและองค์หญิงหย่งไท่ สองสามีภรรยาเป็นคนบอกนางไว้

ตอนแรกเจียงหานหยวนตั้งใจจะเป่าไปเรื่อยๆ แต่เป่าได้ไม่กี่ครั้งก็พบว่าตนเองอ่อนระโหยจนไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพองกระพุ้งแก้มเพื่อเป่าอย่างต่อเนื่อง หลังจากเป่าไปได้ไม่กี่ทีก็รู้สึกหน้ามืด ลำคอเหมือนจะรับน้ำหนักศีรษะไม่ไหว นางจึงหยุดพักฟื้นฟูกำลังต่อ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 66-67

บทที่ 66 ผืนฟ้าเหนือฉางอันมืดลง ม่านราตรีคลี่คลุมอีกครั้ง เสียงย่ำกลองแจ้งเวลาวิกาลลอยมาจากหอกลอง หลังกำแพงสูงตระหง่านขอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 62-63

บทที่ 62 เพียงตวัดตามอง สีหน้าของซู่เซิ่นฮุยก็เคร่งเครียดขึ้นทันที เขาหมุนตัวเดินกลับเข้ามาข้างในแล้วแกะตราครั่งภายใต้แส...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 64-65

บทที่ 64 จวงไท่เฟยหลบร้อนมาพักอยู่บนเขาเซิ่งซานทางตอนเหนือของเมือง วันนี้ซู่เซิ่นฮุยขี่ม้าออกจากที่พักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สา...

community.jamsai.com