นางเฝ้าอธิษฐานขอพรต่อท่านเทพจวินซานอยู่บ่อยๆ
และแล้วราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ยินคำภาวนาของนาง
ปีที่นางอายุย่างหกปี ความปรารถนาในใจก็กลายเป็นความจริง
ปีนั้นฮองเฮาทรงพระครรภ์ ฉางซาอ๋องกับชายาได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองหลวงถวายพระพร
บิดากับมารดาพามู่ฝูหลันพร้อมด้วยพี่ชายเดินทางรอนแรมขึ้นเขาลงห้วยนานเกือบหนึ่งเดือนกว่าจะไปถึงเมืองหลวง
ตอนแรกมู่ฝูหลันนึกว่าเมืองเยวี่ยที่นางอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโตนั้นเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในแผ่นดิน ส่วนเรือนริมทะเลสาบที่ถูกชาวฉางซาเรียกขานว่า ‘ตำหนักหลวง’ นั้นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดบนพื้นปฐพี
จวบจนมาถึงเมืองหลวงแล้วได้ประสบพบเจอความรุ่งเรืองเฟื่องฟูของนครแห่งโอรสสวรรค์ ยังได้เห็นที่อยู่ของอาหญิงซึ่งเรียกว่า ‘พระราชวัง’ แห่งนั้น มู่ฝูหลันถึงล่วงรู้ว่าความคิดของตนในกาลก่อนตรงกับคำกล่าวที่ว่า ‘กบในกะลา’ ปานใด
พระราชวังเบื้องหน้าก่อสร้างอย่างงดงามวิจิตร กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตาเสียจนไม่อาจมองเห็นว่ามันไปสิ้นสุดตรงจุดใด นั่นเป็นภาพของความหรูหราตระการตาและยิ่งใหญ่อลังการสุดจะพรรณนาได้
วังเฟิ่งอี๋ที่อาหญิงพำนักอยู่นั้นยิ่งโอ่อ่าภูมิฐาน ตกแต่งประดับประดาด้วยฝีมือบรรจงประณีต
ท่ามกลางหมู่ตำหนักที่แผ่ประกายอร่ามสง่างามมลังเมลืองจับตาจับใจ มู่ฝูหลันได้พบกับอาหญิงของนาง…สตรีสูงศักดิ์ที่สุดในพระราชวังแห่งนี้
อาหญิงแต่งกายละม้ายชาวสวรรค์ รูปโฉมก็งามสะคราญทัดเทียมเทพธิดา ดวงหน้าของนางมีรอยยิ้มยามให้มู่ฝูหลันตัวน้อยนั่งตักตนเองโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากมารดาของเด็กหญิง ยังประทับจูบอบอุ่นบนพวงแก้มเล็กๆ ทีหนึ่ง
นางเป็นดั่งเช่นที่มู่ฝูหลันนึกภาพไว้ทุกประการ
อาหญิงชมชอบมู่ฝูหลัน มู่ฝูหลันก็ชมชอบอาหญิงเฉกเดียวกัน ภายหลังเมื่อบิดามารดาพาพี่ชายกลับฉางซา อาหญิงก็รั้งตัวมู่ฝูหลันไว้อยู่เป็นเพื่อนในพระราชวัง
ในช่วงเวลาอันสุขใจที่มีหลานสาวคอยอยู่เคียงข้างนี้ ครรภ์ของอาหญิงก็ใหญ่ขึ้นทุกวันตามลำดับจนกระทั่งถึงวันคลอด
หากสิ่งที่มู่ฝูหลันคาดไม่ถึงคืออาหญิงจะคลอดยาก เป็นเหตุให้เกิดอาการตกเลือดตามมา
สำหรับพระโอรสพระองค์นั้น หลังลืมตาดูโลกไม่นานก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้
ส่วนอาหญิงนอนไม่ได้สติอยู่บนแท่นบรรทมในวังเฟิ่งอี๋มาสามสี่วันแล้ว
ตลอดเวลานี้มู่ฝูหลันตั้งจิตอธิษฐานต่อท่านเทพจวินซานที่ทะเลสาบต้งถิงบ้านเกิดของตน วิงวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองอาหญิงให้รอดพ้นเคราะห์ภัยนี้ไปได้
ในใจของเด็กหญิงตัวน้อย ท่านเทพจวินซานคือเทพเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อำนาจสูงสุดและเมตตากรุณามากที่สุดแห่งฟ้าดิน
วันชุนเฟิน* ของทุกปี บิดามารดาจะตระเตรียมเครื่องเซ่นไหว้เป็นเนื้อสัตว์ห้าชนิด พานางกับพี่ชายและขุนนางของฉางซาเดินเท้าจากเชิงเขาถึงยอดเขาไปบวงสรวงท่านเทพจวินซานโดยไม่นั่งเสลี่ยงหามเพื่อแสดงความศรัทธา
เพราะว่ามีเทพเจ้าปกปักรักษา แคว้นฉางซาถึงฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์
แล้วก็เป็นเพราะท่านเทพบันดาลให้สมปรารถนา นางจึงมาถึงเมืองหลวงได้พบหน้าอาหญิง
ทว่าครานี้เทพเจ้าประจำเขาจวินซานกลับไม่ได้ยินคำอ้อนวอนของนางดังเคย