เซี่ยฉางเกิงชะงักเท้า ปรายตามองหญิงสาวที่ยืนขวางหน้าตนเอง กล่าวอย่างปึ่งชา “มู่ซื่อ สิ่งที่เจ้าต้องการข้าเขียนให้แล้ว ต่อแต่นี้ไปก็ระวังรักษาตนเองให้ดี”
เขาย่างเท้าจะออกเดิน แขนเสื้อก็ถูกดึงไว้อีก จึงหยุดฝีเท้ามองดูมือข้างที่นางยื่นมาจับแขนเสื้อตนเองไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างประหลาดใจ จากนั้นใบหน้าก็เผยแววรังเกียจชิงชังทันใด
มู่ฝูหลันปล่อยมือออก ไม่หันมองกระดาษที่คราบหมึกยังไม่แห้งซึ่งวางแผ่อยู่บนโต๊ะ นางมองตาเขาพร้อมพูด “ท่านฟังข้าพูดได้หรือไม่ ข้าคิดว่าท่านจะเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับบุตรชายฉีอ๋องไม่เกี่ยวข้องอันใดต่อกันนอกจากได้พบหน้ากันในวังหลวงสมัยวัยเยาว์ ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ามิเคยไปมาหาสู่กับเขาเลย เมื่อวานเจอกันที่วัดฮู่กั๋วเป็นความบังเอิญจริงๆ มิใช่ข้าลักลอบนัดพบเขาอย่างเด็ดขาด สำหรับสารฉบับนั้นข้ายิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวสักน้อยนิด ที่นี่เป็นเมืองหลวง ถึงข้าจะไม่รู้ความปานใด เมื่อมาแล้วย่อมไม่กล้ากระทำเรื่องคบชู้สู่ชาย ต่อให้ไม่เห็นแก่หน้าท่าน ข้าก็ต้องคำนึงถึงเกียรติของแคว้นฉางซา”
เซี่ยฉางเกิงไม่มีท่าทีใด เพียงจับแขนเสื้อที่โดนนางดึงให้เข้าที่ด้วยสีหน้าเฉยชา
มู่ฝูหลันมองเขาพลางกล่าวต่อเสียงนุ่มนวล “ท่านใกล้จะจากไปแล้ว เมื่อเช้าไทเฮาทรงเรียกตัวข้าเข้าวัง ไต่ถามว่าข้าจะไปอยู่ที่ใด แต่ท่านไม่เคยเอ่ยกับข้าสักครึ่งคำ อันที่จริงใจข้าหวาดหวั่นนัก…”
เสียงพูดของหญิงสาวเบาลงทุกที นางหลุบตาลงช้าๆ ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้าเขา
ผ่านไปนานกว่าเซี่ยฉางเกิงจะเอ่ยปากขึ้นในที่สุด
“มู่ซื่อ วันนั้นข้าไปรับเจ้าที่เมืองเยวี่ย เจ้ายังยืนกรานจะตัดความสัมพันธ์กับข้าอยู่เลยมิใช่หรือ ตอนนี้ข้าให้เจ้าได้สมปรารถนาแล้ว ข้าไปเหอซี เจ้าก็กลับแคว้นฉางซาของเจ้าไปเสีย”
มู่ฝูหลันกล่าว “ไทเฮาทรงเห็นแคว้นฉางซาของข้าเป็นศัตรูเรื่อยมา ในเมื่อพระนางเรียกข้ามาเมืองหลวง รอเมื่อท่านไปแล้วมีหรือจะปล่อยข้ากลับไปง่ายๆ เรื่องที่ถามข้าเมื่อเช้าพวกนั้นเป็นเพียงการหยั่งดูท่าทีเท่านั้น คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ท่านพี่เซี่ยจะไม่รู้เชียวหรือ”
เซี่ยฉางเกิงเอ่ยด้วยหน้าตาไร้ความรู้สึก “นี่มีอะไรยากเล่า ข้าไปแล้ว มิใช่ยังมีบุตรชายฉีอ๋องอยู่หรือ เขาต้องช่วยเจ้าแน่”
“เขาไร้ความสามารถ ไม่ว่าผู้ใดก็ช่วยข้าไม่ได้”
นางส่ายหน้า
“ท่านพี่เซี่ย บัดนี้ข้าเพิ่งรู้ว่าในแผ่นดินนี้คนที่คุ้มครองข้าได้มีแต่ท่านเพียงผู้เดียวแล้ว”
มู่ฝูหลันช้อนดวงตาคู่งามขึ้นช้าๆ เพ่งมองเซี่ยฉางเกิงที่อยู่เบื้องหน้าและกล่าวด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบา
หลังสิ้นเสียงนาง ภายในห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบฉับพลัน
เซี่ยฉางเกิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น “มู่ซื่อ ตอนเจ้าอยากปลดเปลื้องพันธะจากข้า เคยเห็นข้าอยู่ในสายตาสักนิดบ้างหรือไม่เล่า ครั้นเวลานี้จะใช้ประโยชน์จากข้าก็พูดจาเสียหวานหูเพียงนี้”
เขาเหยียดยิ้ม น้ำเสียงแฝงรอยเยาะหยัน
“เจ้าเห็นข้าเซี่ยฉางเกิงเป็นอะไร ปล่อยให้เจ้าบงการได้ตามใจชอบ?”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน เมษายน 64)