ที่นี่มีตำนานท้องถิ่นเล่าขานว่าต้นสนเก่าแก่ซึ่งขึ้นอยู่ตรงริมผาบนเขาจวินซานต้นนี้มีอายุเท่ากับเขาจวินซาน เป็นท่านเซียงจวินกับเซียงฮูหยินลงมือปลูก ช่วยประทานพรเรื่องคู่ครองให้ผู้คน
สาวใช้วัยเยาว์หลายคนที่มาด้วยกันล้วนเชื่อถืออยู่บ้าง ไม่คิดว่าธิดาอ๋องจะไม่สนใจเลยจำต้องล้มเลิกความคิดแล้วติดตามนางลงเขา
กว่าองครักษ์ตรงเชิงเขาจะพายเรือส่งกลุ่มของมู่ฝูหลันขึ้นฝั่งแล้วนั่งรถม้ากลับเข้าเมืองก็เป็นเวลาจุดโคมแล้ว
หญิงสาวเพิ่งก้าวเข้าวังอ๋องก็ได้รู้ข่าวเรื่องหนึ่ง
เซี่ยฉางเกิงที่ปราบปรามกบฏเจียงตูอ๋องได้แล้วส่งคนถือสารมามอบให้มู่เซวียนชิง แจ้งว่าเขาจะมาถึงแคว้นฉางซาเร็วๆ นี้
ลู่ซื่อได้รับรายงานว่าน้องสาวสามีกลับถึงวังแล้วก็นำสารไปยังห้องส่วนตัวของอีกฝ่ายอย่างว่องไว พอได้พบมู่ฝูหลัน นางถึงกับมีรอยยิ้มบนหน้า
“หลันเอ๋อร์ น้องเขยเขียนมาในสารว่าเขาเดินทางมาครั้งนี้เพื่อเซ่นไหว้ท่านพ่อ แน่นอนว่านอกเหนือจากนั้นแล้วคงจะมารับเจ้ากลับไปด้วย”
น้องสาวสามีเพิ่งออกเรือนได้ครึ่งปีกว่าก็กลับแคว้นฉางซาตามลำพังโดยไม่คำนึงถึงระยะทางที่ห่างไกล แม้จะพูดว่าเพราะท่านเทพจวินซานมาเข้าฝัน ทำให้นางเป็นห่วงพี่ชายจึงได้เร่งรุดกลับมาเอง ทว่าหลายวันมานี้ลู่ซื่อได้รู้จากปากของพวกสาวใช้เช่นจูอวี๋ว่านายหญิงเซี่ยมิใช่คนที่อยู่ร่วมด้วยง่ายๆ วันที่มู่ฝูหลันจากมายังเกิดเรื่องหมางใจกัน จนมารดาสามีถึงขั้นเอ่ยเรื่องรับอนุ
หลังแต่งงานได้ไม่นาน สามีไม่อยู่เรือน ภรรยาก็ดึงดันกลับสกุลเดิมโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของมารดาสามี ถึงเรื่องนี้มีสาเหตุ แต่ในสายตาของผู้คนก็มองว่าเป็นฝ่ายภรรยาที่ไร้เหตุผล
สามีของนางรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัย อาการบาดเจ็บก็ไม่หนักหนาเท่าใด แต่น้องสาวสามีกลับไม่เอ่ยสักคำว่าจะกลับไป
ลู่ซื่อนึกสงสัยว่ามู่ฝูหลันอาจโกรธเคืองอยู่ในใจที่นายหญิงเซี่ยเอ่ยเรื่องรับอนุ
ด้วยกลัวน้องสาวสามีจะคิดมาก ถึงลู่ซื่อไม่พูดกับมู่ฝูหลันตรงๆ แม้แต่ครึ่งคำ แต่ในใจยังวิตกกังวลแทนนางเป็นอันมาก หวาดหวั่นว่านางจะเป็นที่ชังน้ำหน้าของสกุลเซี่ยเพราะเหตุนี้ ส่งผลให้สามีหมดรัก
เมื่อเซี่ยฉางเกิงกลับเรือนมาแล้วเกิดถือโทษโกรธเคืองจนไม่มารับนาง ถึงตอนนั้นเกรงว่าน้องสาวสามีจะวางตัวลำบากอยู่บ้าง
จะไม่กลับ…ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้ากลับไปเองก็เสียศักดิ์ศรีอีก อีกทั้งช่วงเวลาหลังจากนี้ยามอยู่ในสกุลเซี่ย หวั่นใจว่าสถานการณ์จะยิ่งแย่ลง
ลู่ซื่อลอบกลัดกลุ้มใจ ตอนไปเซ่นไหว้ขอบคุณท่านเทพจวินซานยังตั้งใจขอพรให้น้องสาวสามีเป็นพิเศษ
ไม่คาดว่าจะสมดังใจปรารถนา ทันทีที่กลับมาก็ได้รับข่าวดีนี้ จะไม่ให้นางสำราญบานใจได้อย่างไร
นางยื่นสารที่เซี่ยฉางเกิงเขียนถึงมู่เซวียนชิงส่งให้
“หลันเอ๋อร์ เจ้าอ่านสิ”
มู่ฝูหลันกลับไม่รับสารไว้ ใบหน้าก็ปราศจากร่องรอยปีติยินดีใดๆ ให้เห็น
ลู่ซื่อเอ่ยถามอย่างกังขา “เจ้าเป็นอะไรไป น้องเขยจะมารับเจ้าแล้ว นี่มิใช่เรื่องดีหรือ”
มู่ฝูหลันบอกให้สาวใช้ออกไป รอจนในห้องเหลือเพียงตนเองกับลู่ซื่อถึงกล่าวขึ้น “พี่สะใภ้ ข้าไม่กลับไป ข้าอยากจะหย่า และตัดความสัมพันธ์กับสกุลเซี่ยเจ้าค่ะ”
ลู่ซื่อตกตะลึงพรึงเพริดไปหมด ทีแรกนางนึกว่าตนเองหูฝาด แต่เห็นน้องสาวสามีทำสีหน้าเคร่งขรึมไม่คล้ายพูดส่งเดช นางก็กล่าวอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้น เจ้าเพิ่งออกเรือนได้ครึ่งปีกว่า กลับคิดจะหย่าร้างแล้ว? เมื่อก่อนเจ้ามีจิตปฏิพัทธ์ต่อบุรุษสกุลเซี่ยเพียงผู้เดียวมิใช่หรือ อีกอย่างหลังพวกเจ้าแต่งงานกัน เกรงว่ายังไม่ได้พูดจากันสักคำด้วยซ้ำ ไยจู่ๆ ก็จะตัดความสัมพันธ์กันแล้วเล่า”