เวลาหลายปีล่วงเลยไปราวกับติดปีก
ฤดูหนาวปีนั้นปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ทุกเหย้าเรือนในเมืองหลวงผูกผ้าขาวไว้อาลัยให้แก่องค์ไทเฮาซึ่งเพิ่งสวรรคตไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว
ฮ่องเต้เป็นบุตรยอดกตัญญู เขากำพร้าบิดาแต่วัยเยาว์ ว่ากันว่าเมื่อครั้งเป็นเด็กหนุ่มเคยเป็นต้นเหตุให้ไทเฮาเดือดร้อนต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน บัดนี้ได้ครองแผ่นดินแล้ว เขาย่อมปรนนิบัติเลี้ยงดูมารดาด้วยความเอาใจใส่ หลายปีก่อนไทเฮาไม่ทันระวังล้มลงหมดสติแล้วเป็นอัมพาต ต้องนอนป่วยอยู่บนเตียงตลอดเวลา ฮ่องเต้นั้นไม่ว่าจะมีราชกิจล้นมือเพียงใด ขอแค่ตัวเขาอยู่ในวังก็จะไปเยี่ยมเยียนป้อนยามารดาด้วยตนเองทุกเช้าเย็นมิเคยขาด ได้รับเสียงสรรเสริญในความกตัญญูกตเวทีจากหมู่ขุนนางและราษฎร เพลานี้ไทเฮาล่วงลับ ย่อมต้องจัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา
ด้านในโถงตำหนักที่ตั้งป้ายวิญญาณ ชีฮองเฮา ฮองเฮาพระองค์ที่สองสวมชุดผ้าดิบพร้อมด้วยเหล่าสนมชายาในตำหนักในคุกเข่าอยู่หน้าป้ายวิญญาณ ร่ำไห้โศกศัลย์ถึงดึกดื่นจนหมดเรี่ยวแรงเจียนสิ้นสติรอมร่อ ถึงยอมรับฟังคำเตือนให้ข้ารับใช้ประคองกลับไปพักผ่อนในตำหนักที่ประทับ
นางเพิ่งก้าวเข้าตำหนักยังไม่ทันได้นั่งลง ขันทีเฉาคนสนิทข้างกายฮ่องเต้ก็พาขันทีร่างบึกบึนล่ำสันหลายคนเดินเข้ามา
ใบหน้าของขันทีเฉาประดับรอยยิ้มยามบอกว่าตนเองมาถ่ายทอดกระแสรับสั่งขององค์ฮ่องเต้
ชีหลิงเฟิ่งรีบมาต้อนรับ
ขันทีเฉากล่าวด้วยสุ้มเสียงแหลมเล็ก ‘ฝ่าบาทมีกระแสรับสั่งว่าชีฮองเฮาเป็นกุลสตรีที่ดีพร้อม เฝ้าดูแลปรนนิบัติไทเฮามานานหลายปี เป็นที่โปรดปรานของพระนางอย่างมาก บัดนี้ไทเฮาเสด็จสู่สวรรค์แล้ว ฮองเฮาก็ฝังร่างร่วมหลุมติดตามไปอยู่ที่นั่น ช่วยเราปรนนิบัติไทเฮาอย่างดีต่อไปเพื่อแสดงความกตัญญูเถอะ’
ชีหลิงเฟิ่งใบหน้าซีดเผือดทรงตัวคุกเข่าไม่อยู่ ตัวอ่อนพับล้มกองกับพื้นทันใด จวบจนมองเห็นขันทีหยิบเชือกที่นำติดตัวออกมา นางถึงตะกายตัวขึ้นจากพื้นราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน เอะอะโวยวายว่าจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทูลถามให้รู้เรื่อง
เวลานี้สีหน้าของขันทีเฉาซึ่งปกติเคารพนอบน้อมต่อนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมอย่างที่สุด เขาสั่งให้ขันทีน้อยยึดตัวนางไว้พลางกล่าว ‘ฝ่าบาทเสด็จไปเยี่ยมองค์ชายใหญ่แล้ว ไม่มีทางให้พระนางเข้าเฝ้าแน่ ฮองเฮา สิ่งที่กระหม่อมจะกราบทูลต่อไปนี้ทรงสดับตรับฟังให้ดี จะได้ไม่ต้องเป็นวิญญาณอาฆาตเพราะนึกว่าตนตายอย่างไม่เป็นธรรม’
เขากระแอมกระไอเสียงหนึ่งก่อนจะเลียนแบบน้ำเสียงของฮ่องเต้ กล่าวอย่างเย็นชา ‘ชีซื่อ เจ้านึกว่าเรื่องที่เจ้ากับพี่ชายเจ้ากระทำต่ออดีตฮองเฮาในครั้งนั้นเราไม่ล่วงรู้รึ เรารู้เรื่องมานานแล้ว แต่เห็นแก่ที่ไทเฮาขาดเจ้าไม่ได้ ถึงยอมให้เจ้ามีชีวิตอยู่บนโลกต่อไปชั่วคราวเท่านั้น เราแต่งตั้งเจ้าเป็นประมุขตำหนักในมานานหลายปีเพียงนี้ และให้เจ้าเหลือศพครบร่างก็ถือเสียว่าเป็นการทดแทนบุญคุณที่สกุลชีของเจ้าให้ความช่วยเหลือไทเฮาในอดีต ตอนนี้ไทเฮาจากไปแล้ว ส่วนเจ้ายังไม่ตาย เจ้าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรเล่า ก็ตามไปอยู่เป็นเพื่อนท่านผู้เฒ่าต่อก็แล้วกัน!’
ชีหลิงเฟิ่งคล้ายโดนอสนีบาต ตอนแรกนางตะโกนคร่ำครวญโหยหวนพลางจิกข่วนทุบตีขันทีเป็นพัลวันราวกับคลุ้มคลั่ง จนกระทั่งได้ยินว่าพี่ชายตนเองถูกปลดจากตำแหน่งรอประหารชีวิต ลูกหลานหลายร้อยชีวิตของสกุลชียังติดร่างแหรับโทษไปด้วยทั้งหมด น้ำตาก็หลั่งรินเป็นสาย นางทรุดตัวลงบนพื้นโขกศีรษะไม่หยุด บอกว่าเป็นความผิดของตนผู้เดียว อ้อนวอนขอให้ขันทีเฉายอมให้นางไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ขอความเมตตา
ขันทีเฉาปั้นหน้าปึ่งชา ออกคำสั่งให้ขันทีน้อยลงมือ
ขันทีสองคนตรึงร่างชีฮองเฮากับพื้น อีกสองคนถือผ้าไหมขาวพันรอบลำคอนาง