การเตรียมความพร้อมตลอดเส้นทางเสด็จจากวังหลวงไปถึงวัดฮู่กั๋วที่นอกเมืองจะเลินเล่อสะเพร่าไม่ได้แม้แต่น้อย ส่วนงานอารักขาขบวนเสด็จตกเป็นความรับผิดชอบของเซี่ยฉางเกิงซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ หลิวไทเฮาจะออกเดินทางตอนยามอิ๋นเพื่อแสดงถึงความศรัทธาอันแก่กล้า ด้วยเหตุนี้ตอนยามจื่อเขาก็ตื่นนอนออกจากเรือนไปแล้ว
หลิวไทเฮาจะไปสวดมนต์ไหว้พระ ย่อมต้องพาผู้รับใช้ใกล้ชิดกับบรรดานายหญิงตราตั้งไปด้วยเป็นธรรมดา
มู่ฝูหลันก็เป็นหนึ่งในผู้ติดตามเสด็จ
หลังเซี่ยฉางเกิงไปแล้ว มู่ฝูหลันลืมตาตื่นไปจนกระทั่งยามโฉ่วถึงลุกจากเตียงล้างหน้าบ้วนปาก พอแต่งกายเสร็จเรียบร้อย นางกินอาหารเช้าลวกๆ เพียงไม่กี่คำก็พาสาวใช้สองคนนั่งรถม้าออกไปด้วยกัน
จวนสกุลเซี่ยอยู่ใกล้วังหลวงมาก แล่นผ่านถนนสองสายก็ถึงแล้ว
ตอนหญิงสาวไปถึง ท้องนภายังสลัว แต่ตำหนักนอกประตูเมืองทิศตะวันตกที่หลิวไทเฮาต้องผ่านตอนออกนอกวังกลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟดุจเวลากลางวัน กองทหารรักษาพระองค์สวมชุดเกราะตั้งแถวอยู่สองฝั่งของประตูเมืองแต่แรก กงล้อของรถม้าหรูหราคันแล้วคันเล่าบดกับพื้นถนนจนบังเกิดเสียงดังครืดคราดกระทบโสตประสาท พาเหล่าสตรีฐานะสูงศักดิ์ที่สุดของเมืองหลวงมารวมตัวกันที่นี่ไม่ขาดสาย มีขันทีผู้ดูแลคอยบัญชาการบ่าวไพร่ของแต่ละตระกูลให้จอดรถม้าเรียงตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เพื่อจัดขบวนรับเสด็จหลิวไทเฮา
ผู้บัญชาการกองทัพเป็นขุนนางนอกราชสำนักรั้งยศขั้นสอง ตามลำดับแล้วรถม้ามู่ฝูหลันสมควรอยู่ท้ายๆ แถว แต่พอขันทีเห็นรถม้าของจวนสกุลเซี่ยมาถึงก็เข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที และพาไปจอดที่หัวแถวตรงจุดใกล้กับประตูวัง
อากาศหนาวยะเยือกเช่นนี้ การออกจากเรือนมาจับเจ่าเฝ้ารอหลิวไทเฮาเสด็จออกนอกวังอยู่ตรงนี้แต่เช้าตรู่ สำหรับนายหญิงตราตั้งที่ปกติมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายพวกนี้แล้วจะบอกว่าไม่ลำบากลำบนไม่ได้ กระนั้นได้รับโอกาสติดตามหลิวไทเฮาไปสวดมนต์ไหว้พระที่วัดฮู่กั๋วกลับเป็นเรื่องมีหน้ามีตาที่ควรค่าแก่การโอ้อวด ดังนั้นฮูหยินทั้งหลายจากทุกเหย้าเรือนไม่เพียงไม่รู้สึกว่าลำบาก ยังเห็นว่าเป็นเกียรติยศที่ต้องแย่งชิงกันด้วย
เรื่องเซี่ยฉางเกิงเป็นที่ชื่นชมของหลิวไทเฮานั้นใครๆ ล้วนรู้กันทั่ว มีเสียงเล่าลือว่ากระทั่งภรรยาของเขา มู่ซื่อ ธิดาของอดีตฉางซาอ๋องซึ่งเดิมน่าจะโดนไทเฮาชังน้ำหน้า เข้าเมืองหลวงได้ไม่กี่วันก็บุญพาวาสนาส่งถูกไทเฮาเรียกตัวเข้าวังเป็นเพื่อนหลายครั้งหลายหน ดังคำกล่าวว่า ‘เมื่อรักเรือนย่อมรักอีกาบนหลังคาเรือน’ จากจุดนี้บ่งบอกถึงความโปรดปรานล้นเหลืออย่างชัดแจ้ง ในขบวนเดินทางไปสวดมนต์ไหว้พระเช้านี้ยังจัดตำแหน่งผู้ติดตามเสด็จให้มู่ซื่อเช่นนี้ ยิ่งเป็นการยืนยันอีกอย่างหนึ่ง
มู่ฝูหลันที่นั่งอยู่บนรถม้าก็รู้ว่าตนเองเป็นจุดสนใจของผู้คนเช่นกัน
ตอนนางรับเตาพกที่สาวใช้ยื่นส่งให้แล้วหลับตาเอนหลังพิงที่นั่ง ได้ยินผู้ดูแลจวนสกุลเซี่ยส่งเสียงบอกจากด้านนอก “ท่านหญิง ชายาฉีอ๋องส่งเสื้อคลุมขนสัตว์มาให้ท่านขอรับ”
มู่ฝูหลันลืมตา
สาวใช้เปิดประตูรถม้า
ผู้ดูแลคนหนึ่งยืนถือเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกไว้ด้วยสองแขนอยู่หน้ารถม้า ค้อมกายกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พระชายากล่าวว่าทางเมืองหลวงอากาศหนาวยิ่งนัก ท่านหญิงอยู่แดนใต้จนเคยชิน พระชายาจดจำได้ว่าท่านหญิงกลัวหนาวตั้งแต่เล็ก พอดีเตรียมไว้บนรถม้าเผื่ออีกหนึ่งตัวก็เลยให้บ่าวนำมามอบแก่ท่านหญิงขอรับ”