เช้าวันรุ่งขึ้นพอเซี่ยฉางเกิงออกจากเรือนแล้ว หลิวไทเฮาก็เรียกตัวมู่ฝูหลันเข้าวัง บอกว่าเขตเหอซีไม่สงบ เซี่ยฉางเกิงต้องกลับเหลียงโจวแล้ว และไต่ถามว่านางตั้งใจจะทำอย่างไรต่อไป
มู่ฝูหลันแสร้งตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวดังเดิม บอกว่าสองสามวันนี้เขามีงานยุ่งมาก ออกเช้ากลับค่ำยังมิได้เอ่ยเรื่องนี้กับนาง นางก็ไม่แน่ใจเช่นกัน จะให้ตามเขาไปเหลียงโจวหรือกลับอำเภอเซี่ยดูแลปรนนิบัติมารดาสามีอย่างไรก็ได้ สุดแท้แต่สามี
หลิวไทเฮาไม่รั้งตัวมู่ฝูหลันไว้นานนัก นางจับจ้องมองตามหญิงสาวจนลับตาไปแล้วจึงเอ่ยถามหยางกงกงด้านข้าง “เจ้ามีความเห็นเช่นใด”
หยางกงกงกล่าวตอบ “ผู้บัญชาการเซี่ยจวนจะไปจากเมืองหลวงแล้ว มู่ซื่อกลับยังไม่รู้ว่าจะไปที่ใด เห็นได้ว่าเขาไม่เห็นความสำคัญของนางนัก”
หลิวไทเฮาผงกศีรษะ “ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน มู่ซื่อผู้นี้มีรูปโฉมงดงามเสียเปล่า นิสัยใจคอกลับหัวอ่อนเหลาะแหละ ซ้ำเป็นคนน่าเบื่อไร้เสน่ห์ เมื่อแรกคงจะอาศัยว่ารูปโฉมเป็นที่ถูกตาต้องใจของท่านเซี่ย แต่เกรงว่าจะไม่อาจยั่งยืนยาวนานกระมัง”
หยางกงกงกล่าวยิ้ม “จริงแท้พ่ะย่ะค่ะ พระองค์ไม่จำเป็นต้องทรงกังวลพระทัยว่านางจะยุแยงท่านผู้บัญชาการเซี่ยแล้ว”
หลิวไทเฮาหัวร่อ “จริงอยู่ว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องห่วง แต่ข้าอุตส่าห์เรียกตัวนางเข้าเมืองหลวงมาแล้ว ย่อมต้องเหนี่ยวรั้งนางไว้อีกสักพักอย่างช่วยไม่ได้”
หยางกงกงงุนงงในทีแรกก่อนจะแจ่มแจ้งในบัดดล
มาตรว่าแคว้นฉางซาเป็นแคว้นเล็กมีแสนยานุภาพอ่อนแอ แต่ก็เป็นดินแดนซึ่งแต่งตั้งท่านอ๋องไปปกครอง ถึงตอนนี้ไทเฮาไม่คิดจะลงมือ ทว่ารับรองไม่ได้ว่าแคว้นฉางซาจะไม่แข็งข้อสบช่องชุลมุนก่อความวุ่นวายขึ้น ทั้งมีข่าวว่ามู่เซวียนชิงรักใคร่น้องสาวอย่างมาก ฉะนั้นจับมู่ซื่อไว้เป็นตัวประกันย่อมมีประโยชน์
“นี่พระองค์จะทรงใช้นางเป็นตัวประกันข่มขู่มู่เซวียนชิงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเห็นว่าอย่างไรเล่า”
หยางกงกงละล้าละลังครู่หนึ่งถึงกล่าวอย่างระมัดระวัง “ไทเฮา กระหม่อมไม่เข้าใจมาโดยตลอด เหตุใดทรงไม่รับมารดาของท่านผู้บัญชาการเซี่ยมาที่เมืองหลวงด้วยพ่ะย่ะค่ะ ตำแหน่งผู้บัญชาการมีกำลังทหารในมือจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้บัญชาการเซี่ย แม้พูดว่าเขาจงรักภักดีต่อพระองค์ แต่ใจคนยากหยั่งถึง ถ้าเกิด…”
เขาหยุดเว้นจังหวะ ก่อนเอ่ยต่อ
“ได้ยินว่าเขาเป็นบุตรกตัญญู ไยไม่หาข้ออ้างรับตัวแม่เขาเข้าเมืองหลวง เช่นนี้การที่มู่ซื่อต้องอยู่ดูแลปรนนิบัติแม่สามีก็ล้วนถูกต้องชอบธรรมดี พระองค์จะทรงมีตัวประกันของทั้งผู้บัญชาการเซี่ยและแคว้นฉางซาอยู่ในพระหัตถ์ จะมิใช่ยิงทีเดียวได้นกสองตัวหรือไร”
หลิวไทเฮาส่ายหน้า
“ข้ายกข้ออ้างดึงตัวมู่ซื่อไว้ ท่านเซี่ยคงไม่ถึงกับคัดค้าน แต่ถ้ารับตัวมารดาของเขามาอีก เขาต้องแคลงใจว่าข้าไม่ไว้วางใจเขา ถึงใช้มารดาเขาเป็นตัวประกัน”
นางนิ่งใช้ความคิดชั่วครู่
“หากต้องเอาแม่เขามาเป็นตัวประกัน ก็ยังมิใช่เวลานี้หรอก บัดนี้เกิดความไม่สงบทั้งภายนอกภายใน เป็นช่วงที่ต้องการเขาพอดี จะให้มีปัญหาแทรกขึ้นอีกไม่ได้”
หยางกงกงรีบค้อมกายลง “พ่ะย่ะค่ะๆ ไทเฮาทรงดำริได้สมเหตุสมผล กระหม่อมกล่าววาจาเลื่อนเปื้อนแล้ว”
หลิวไทเฮาเหยียดยิ้ม “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เหนี่ยวรั้งมู่ซื่อไว้เป็นตัวประกันที่เมืองหลวง รอเขามาเข้าเฝ้า ข้าจะพูดเรื่องนี้กับเขาให้เข้าใจเอง”
หยางกงกง “ไทเฮาทรงพระปรีชาปราดเปรื่องหาผู้ใดเทียบเทียมมิได้พ่ะย่ะค่ะ”