ไฉหลางตะโกนออกคำสั่งด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ เขาชูดาบยักษ์ขึ้นพลางปล่อยพลังออกมาด้วยท่าทางคล้ายกระหายเลือด เร่งรีบพาเหล่าพี่น้องบุกทลายเส้นทางสายเลือดนี้ออกไป
พี่น้องหลายคนต่างชูดาบยักษ์ขึ้นสูง บุกออกไปด้วยความเดือดดาลเลือดร้อนพลางคำราม
หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้วก็เหลือเพียงบุรุษผู้หนึ่งและสตรีนางหนึ่งบนพื้นหิมะ
สือโม่เฉินจ้องสตรีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาค่อยๆ ช้อนตัวนางขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด โอบอุ้มร่างนางคล้ายกับโอบกอดสมบัติทั้งหมดเอาไว้
มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้นที่เขาปิดบังความปรารถนาในดวงตาไม่มิด
“ข้าไม่เคยอยากให้ท่านตายเลย” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า “แต่คิดไม่ถึงว่าท่านจะทุ่มสุดตัวเช่นนี้ ท่านไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเองเลยแม้แต่น้อย”
เขาประทับจูบลงบนริมฝีปากนางพลางลูบไล้ไปบนเรือนร่าง แม้นางจะตายจากไปแล้ว ทว่าร่างกายนางยังคงอุ่น
เขาเฝ้าฝันอยากจะโอบกอดนางไว้เช่นนี้นานแล้ว ในความฝันเขาทำกับนางมากกว่านี้อีก ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริงเขาไม่เคยมีโอกาสได้แตะต้องนางเลย
เพราะนางไม่อนุญาตให้เขาทำ
นางไม่รู้ว่าเขาปรารถนาในตัวนางมากเพียงไร เพื่อให้ได้นางมาเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง
“ทั้งๆ ที่ท่านกำลังจะสิ้นใจแต่ก็มัวพะวงถึงพี่น้องในค่าย ท่านมีเพียงความกล้าหาญและน้ำใจอันเต็มเปี่ยม ในใจท่านเคยมีที่ว่างสำหรับข้าบ้างหรือไม่ เคยมีความรู้สึกทิ้งข้าไม่ลงสักนิดหรือไม่ ท่านจะสวามิภักดิ์ต่อทางการ ข้าก็ทำให้ท่านได้สมดั่งใจ แต่ยามที่ภารกิจสำเร็จท่านอยากถอยออกไป ต้องการออกพเนจรไปเพียงคนเดียว เรื่องนี้ข้าไม่อนุญาต”
ความปรารถนาในใจเขาโดนความชั่วร้ายเข้าครอบงำนานแล้ว เพียงแต่เขาเก็บงำไว้ลึกเกินไป ลึกจนหัวใจเขาเจ็บแปลบ คล้ายหนอนพิษคอยกัดกร่อนเลือดเนื้อของเขาทุกคืนวันทำให้เขานอนไม่หลับ ทนทุกข์ทรมานราวกัดกร่อนไปถึงกระดูก มีเพียงการครอบครองและช่วงชิงมาเท่านั้นจึงจะชดเชยความว่างเปล่าในหัวใจได้
เขากอดจูบพลางพยายามจะฉีกเสื้อผ้านางออก แม้ว่าทั่วร่างนางจะมีโลหิตไหลนองแต่เขาก็ยังปรารถนาในตัวนาง
จากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงโดยพลัน เงยหน้าขึ้นจ้องไปยังเบื้องหน้าอย่างตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าที่ตรงนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร อีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาทางเขาอย่างเงียบสงบ
บุรุษผู้นี้ยืนอยู่บนยอดหญ้าอย่างไร้สุ้มไร้เสียง พายุหิมะค่อยๆ โหมกระหน่ำขึ้นอย่างรุนแรง อาภรณ์ของเขาปลิวไปตามสายลม แต่เขากลับยืนนิ่งราวขุนเขา ยืนตระหง่านราวต้นสน เห็นชัดว่ากำลังภายในของบุรุษผู้นั้นไม่ด้อยไปกว่าตนแน่
สือโม่เฉินสีหน้าบึ้งตึง มองฝ่ายตรงข้ามด้วยแววตาโหดเหี้ยม
ฉู่เหิงจือขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองบุรุษที่แผ่ความชั่วร้ายออกมาทั่วร่างผู้นี้ ริมฝีปากเขาเปื้อนเลือด สตรีในอ้อมกอดเขาเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ภาพนี้ชวนให้นึกถึงสัตว์ร้ายที่กระหายเลือดแล้วกำลังดูดเลือดสดของสตรีนางนั้น
จากสายตาของฝ่ายตรงข้าม ฉู่เหิงจือก็ตระหนักได้ว่าตนเองไปขัดจังหวะเข้าแล้ว อีกฝ่ายเริ่มเกิดความอาฆาตมาดร้าย
“ควรให้ความเคารพต่อผู้ตาย เจ้าไม่ควรทำให้ร่างนางแปดเปื้อน”