ครั้นหัวหน้ารองออกคำสั่งไปทุกคนต่างก็ชักดาบขึ้นมา บรรยากาศตึงเครียดในฉับพลัน
กวนอวิ๋นซีอยากตะโกนร้องให้หยุด ทว่าภาพเบื้องหน้าก็มืดมนลงโดยพลัน เงาร่างสูงใหญ่มาขวางไว้เบื้องหน้าทำให้นางตะลึงงัน หลังจากที่ฉู่เหิงจือออกมาปกป้องนางโดยไม่พูดไม่จาอะไร รังสีอำมหิตอันเย็นยะเยือกก็พลันแผ่ออกมาทั่วร่าง
นางคิดไม่ถึงว่าในยามคับขันเขาจะมาปกป้องอยู่เบื้องหน้านางเป็นอันดับแรก ทว่านางอึ้งไปเพียงชั่วพริบตาแล้วก็ได้สติกลับมาโดยเร็ว
ครานี้ที่นางมาที่นี่ไม่ใช่มาเพื่อสู้รบ
“ช้าก่อน!” กวนอวิ๋นซีชะโงกหน้ามาจากด้านหลังฉู่เหิงจือพลางเอ่ย “นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด”
สือโม่เฉินเอ่ยเสียงเข้ม “ไม่ต้องพูดให้มากความ ฐานะของพวกเจ้าน่าสงสัยยิ่ง เขาเองก็สวมหน้ากากปกปิดฐานะ น้องสามอาจจะหลอกง่าย แต่ถ้าคิดจะมาหลอกข้าคงไม่ง่ายเช่นนั้น”
“หรือว่าท่านไม่อยากดูจดหมายก่อนตายของหัวหน้าใหญ่”
ครั้นกวนอวิ๋นซีกล่าววาจานี้ออกไปทุกคนล้วนตะลึงงัน แม้แต่ฉู่เหิงจือที่อยู่ข้างกายยังมองนางอย่างคาดไม่ถึง
สือโม่เฉินอึ้งโดยพลัน “จดหมายก่อนตาย?”
“ใช่ ยามที่หัวหน้าใหญ่ตัดสินใจจะสวามิภักดิ์ต่อทางการ เพื่อความไม่ประมาทเลยทิ้งจดหมายเหล่านี้ให้ข้าเก็บไว้ อีกทั้งยังกำชับข้าว่าหากนางโชคร้ายเสียชีวิตไปก็ให้นำจดหมายก่อนตายมาให้เหล่าพี่น้อง” นางหยิบจดหมายออกมาจากเสื้อพลางชูขึ้นสูง
สือโม่เฉินจับจ้องพลางขมวดคิ้ว “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจดหมายนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม”
“จะเป็นของจริงหรือของปลอม ท่านดูเองก็รู้” นางเอ่ยพลางโยนจดหมายไป
สือโม่เฉินรับจดหมายนั้นอย่างทันควันพลางแสดงสีหน้าสงสัย ทว่าก็ยังฉีกจดหมายออก
กวนอวิ๋นซียังหยิบจดหมายฉบับที่สอง “จดหมายฉบับนี้ของอาสยง”
ครั้นสยงไห่ได้ยินก็ตะลึงงัน “ของข้าก็มีหรือ”
“แน่นอน อาสยงเป็นคนที่มีความยุติธรรม หัวหน้าใหญ่เห็นแก่ความรอบคอบจึงทิ้งจดหมายอีกฉบับหนึ่งไว้ให้ท่าน และหวังว่าอาสยงจะยอมเป็นพยานด้วย”
พอสยงไห่ได้ฟังก็กระจ่างแจ้งแล้วรับจดหมายไป
ยามนี้ไฉหลางก็ถามขึ้นอย่างใคร่รู้ “แล้วของข้าเล่า” เขาเป็นหัวหน้าสาม ในเมื่อของอาสยงยังมีก็ควรจะมีของเขาด้วย
กวนอวิ๋นซีเอ่ยว่า “ไม่มี”
เขาเบิกตากว้าง “ไม่มีหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร”
“หัวหน้าใหญ่บอกไว้ว่าเจ้าไม่รู้หนังสือ ให้ไปก็เหมือนกับไม่ได้ให้”
ครั้นเอ่ยวาจานี้ออกไปก็มีคนหัวเราะพรวดออกมา ไฉหลางรู้สึกอับอายเหลือเกิน เขาถลึงตาใส่คนผู้นั้น ทว่ากลับแสดงสีหน้าผิดหวัง หัวหน้าใหญ่ไม่ยอมทิ้งจดหมายไว้ให้เขา
พอสือโม่เฉินอ่านจดหมายจบก็แสดงสีหน้าลังเล
ครั้นสยงไห่อ่านจดหมายจบก็แสดงสีหน้าเช่นเดียวกัน พยักหน้าไปทางหัวหน้ารองพลางเอ่ย “นี่เป็นลายมือของหัวหน้าใหญ่ไม่ผิดแน่ ตราประทับบนจดหมายก็ถูกต้อง” นอกจากนี้ภาษาที่ใช้ในจดหมายล้วนเป็นสำนวนของหัวหน้าใหญ่ทั้งสิ้น