“แค่ท่านเชื่อใจข้าก็พอ ส่วนเขา ข้าขอรับรอง เมื่อคืนเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาไม่รู้ถึงฐานะของท่านจึงออกมาขัดขวางเป็นการเฉพาะ”
สือโม่เฉินเงียบงันไม่พูดไม่จา
ยามนี้สยงไห่ยืนขึ้น เอ่ยว่า “ถ้าจะให้พวกเราเชื่อใจเขา เช่นนั้นให้เขาถอดหน้ากากออก จงใจปกปิดใบหน้าเช่นนี้มีเจตนาอะไรกัน”
“เอ่อ…”
กวนอวิ๋นซีแสดงสีหน้าลังเล เหตุที่ให้ฉู่เหิงจือปกปิดใบหน้าไว้ก็เพราะไม่อยากให้ใครรู้ถึงฐานะคุณชายตระกูลเสนาบดีก็เท่านั้น
ฉู่เหิงจือเอ่ยเสียงเย็น “ท่านยังไว้หนวดเคราปกปิดใบหน้าส่วนล่างไว้เลย ไยข้าจะใช้หน้ากากปกปิดใบหน้าส่วนบนไว้ไม่ได้เล่า”
สยงไห่ตะลึงงัน ทุกคนยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ ตามมาด้วยเสียงระเบิดหัวเราะ โดยเฉพาะน้องสาม
“ฮ่าๆๆ! ฟังดูมีเหตุผล! อาสยง ท่านไว้หนวดเคราจนรกรุงรังเกินไปแล้ว”
ไฉหลางตบไหล่ของสยงไห่อย่างแรง เมื่อพูดถึงหนวดเคราของสยงไห่ นั่นเป็นสิ่งที่โจษขานมานานแล้ว หนวดเคราเฟิ้มจนคล้ายไม้กวาด ไม่โกนมาหลายปี แม้แต่น้าหลิ่วที่เป็นภรรยาเขาก็ต่อต้าน
สยงไห่แสดงสีหน้าอึดอัด ทำตัวไม่ถูก “จะเหมือนกันได้อย่างไร”
กวนอวิ๋นซีก็หัวเราะออกมา บรรยากาศที่เดิมทีตึงเครียดผ่อนคลายลง นางจึงแอบถอนหายใจโล่งอก
“ทุกท่าน ข้าขอบอกตามตรง สหายของข้าคนนี้มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดใบหน้าไว้ แต่ข้าขอรับรองด้วยชีวิต เขาไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน ไม่เพียงไม่มี แต่ต่อไปภายภาคหน้าเขาจะช่วยเหลือโจรภูเขาด้วย ขอทุกท่านโปรดอย่ามองเขาเป็นคนนอก”
ทุกคนล้วนมองไปทางหัวหน้ารอง ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะตัดสินใจเช่นไร
สือโม่เฉินลังเลอยู่ชั่วครู่ พยักหน้าเอ่ย “ได้ ข้าจะเชื่อเจ้า ในเมื่อลงเอยเช่นนี้ ผู้มาเยือนก็คือแขก ขอเชิญทั้งสองท่าน”
ในที่สุดก็จัดการได้สำเร็จ กวนอวิ๋นซีถอนหายใจอย่างโล่งอก ยามที่ไม่มีผู้อื่นฉู่เหิงจือก็กระซิบข้างหูนาง “ข้าไปตกลงกับเจ้าเมื่อไรว่าจะช่วยเหลือพวกโจรภูเขา”
นางช้อนตามองเขา กระซิบตอบว่า “ท่านจะต้องช่วยอยู่แล้ว”
“อ้อ เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“สุภาษิตว่าไว้ อยู่ใต้ชายคาเรือนผู้อื่น ย่อมต้องก้มหัวยามนี้พวกเราอยู่ในบ้านของคนอื่นนะ!”
“ควรกล่าวว่าคนที่รู้จักปรับตัวถึงจะเป็นวีรบุรุษแทนกระมัง”
นางเอ่ยคล้อยตามทันที “คุณชายมีความคิดเหนือชั้น ข้าจะเชื่อฟังท่าน”
“…” เขาพูดไม่ออกในทันใด
นางหัวเราะคิกๆ พลางเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้น การที่ทางการรับพวกโจรภูเขาไว้ นอกจากจะแก้ปัญหาการปล้นชิงทรัพย์ได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มกำลังทหาร มีแต่ผลดีไม่มีผลร้ายต่อใต้เท้าเสนาบดีกรมอาญา ทั้งยังเป็นการสร้างผลงานชิ้นใหญ่ หากปราบศัตรูโดยไม่ต้องสูญเสียทหารสักคน ยามอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ใต้เท้าเสนาบดีก็จะได้หน้า ศัตรูในราชสำนักก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้ ได้แต่ประโยชน์ไม่มีเสีย งานที่ได้ผลประโยชน์เช่นนี้ไยจึงจะไม่ทำเล่า ท่านคงเห็นด้วยกับที่ข้าพูดกระมัง”
กวนอวิ๋นซีเอ่ยพลางเทสุราให้เขาราวกับสุนัขรับใช้ ดวงตานางกลอกไปมาอย่างรวดเร็วคล้ายจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์ที่กำลังส่ายหาง ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่านางน่ารักน่าเอ็นดู
“ไยข้าจึงไม่เคยรู้เลยว่าเจ้ามีฝีปากคมคายเช่นนี้”
“ท่านเพิ่งรู้ในยามนี้ก็ไม่ถือว่าสายเกินไป อีกทั้งที่ข้าพูดมาล้วนเป็นความจริง เพียงแจกแจงผลได้ผลเสียเท่านั้น”
ฉู่เหิงจือจับจ้องนาง เพ่งพินิจรอยยิ้มของนางพลางดื่มสุราที่นางเทให้