กวนอวิ๋นซีหลับจนกระทั่งสาย ท้ายที่สุดนางตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องไห้ของสตรี
ครั้นนางตื่นขึ้นมาก็เห็นใต้เท้ากวนถลึงตามองนางด้วยสีหน้าโกรธจัด กวนฮูหยินก็นั่งอยู่ด้านข้างเขามองมาที่นางทั้งน้ำมูกน้ำตา อีกทั้งบนโต๊ะยังมีสุราไหหนึ่งซึ่งก็คือหูจงเซียนของนาง
กวนอวิ๋นซีหน้าซีดเผือดทันที เห็นชัดว่าใต้เท้ากวนและกวนฮูหยินล้วนรู้เรื่องที่นางดื่มสุราจนเมาแล้ว ใต้เท้ากวนดุด่าว่ากล่าว โมโหนางยกใหญ่ด้วยเรื่องนี้ กวนฮูหยินโศกเศร้าใจแทบสลาย กล่าวว่านางไม่ควรดื่มเลย เป็นผลเสียต่อร่างกาย ส่วนจิ่นเซียงที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างยิ่งร้องไห้โฮ กล่าวโทษตัวเองว่าดูแลคุณหนูไม่ดี
กวนอวิ๋นซีด่าทอฉู่เหิงจืออยู่ในใจ เขาจะต้องจงใจแน่ๆ
นางปวดหัวเพราะอาการเมาค้าง นางจำไม่ได้แล้วว่าเมาไปตั้งแต่เมื่อไร ทว่าก็ตระหนักได้โดยพลันถึงความรุนแรงของเหตุการณ์นี้
ความสามารถของนางในการดื่มพันจอกไม่เมานั้นไม่เหลืออยู่แล้ว!
นางคนก่อนดื่มพันจอกไม่เมา ทว่าพอนางฟื้นขึ้นมาใหม่กลับไม่สามารถแตะสุราได้เลย ร่างนี้ใช้การไม่ได้ ดื่มไม่กี่จอกก็เมาเละไม่เป็นท่า
อาการเมาค้างทำให้นางปวดหัวจนแทบจะระเบิด ทว่าก็ยังต้องฟังใต้เท้ากวนตำหนิต่อไป กอปรกับกวนฮูหยินที่ร้องห่มร้องไห้ หนวกหูจนนางอยากจะโยนพวกเขาสองคนออกไปนอกเรือน ทว่านางได้สติทันควันจึงอดกลั้นเอาไว้ ทั้งสองคือบิดามารดาของกวนอวิ๋นซี หากนางโยนพวกเขาออกไปจริงแล้วมีข่าวลือออกไป นางก็อย่าคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเลย
แม้นางจะไม่แยแสต่อฐานะบุตรสาวขุนนาง ทว่าจะดีจะเลวอย่างไรก็ไม่อาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้ มิเช่นนั้นวันข้างหน้าจะจัดการเรื่องราวต่างๆ อย่างไร
แสร้งตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลยแล้วกัน
นางนอนลงไปบนเตียงอีกครั้ง ยังคงรู้สึกมึนเมา ส่วนใต้เท้ากวนที่เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟก็นำหูจงเซียนของนางไปเททิ้ง ครั้นนางได้ยินเรื่องนี้ก็ตีอกชกหัวทันที
สุราของข้า…นั่นเป็นสุราที่เก็บซ่อนเอาไว้เลยนะ ข้างนอกหาซื้อไม่ได้ด้วย!
ทว่าเพียงชั่วประเดี๋ยวนางก็นึกได้ว่าสุราไหนั้นไม่ใช่ของนางแต่เป็นของฉู่เหิงจือต่างหาก ครั้นนึกได้เช่นนี้นางก็คล้ายมีชีวิตกลับมาใหม่ ฉู่เหิงจือยังเก็บไว้ให้นางอยู่ สุราของคนอื่นถูกเททิ้ง นางจะเจ็บใจไปไย
หลังจากที่นอนพักเต็มตากวนอวิ๋นซีก็รู้สึกว่าไม่ค่อยปวดหัวแล้ว นางอยากออกไปข้างนอก แต่ก็ต้องพบว่าตนเองถูกกักบริเวณ นี่คือการลงโทษจากใต้เท้ากวน เขาคงเกรงว่านางจะออกไปดื่มสุราอีก
อยากกักบริเวณก็กักไปสิ วัดเล็กแค่นี้จะขังพระพุทธรูปองค์ใหญ่อย่างข้าได้หรือ
จริงๆ นางสามารถย่องออกไปได้ ทว่ากลางวันแสกๆ เช่นนี้จะถูกคนสังเกตได้ง่าย จะสกัดจุดแม่นมกับสาวใช้ทุกครั้งก็ไม่ได้
กวนอวิ๋นซีครุ่นคิดไปมา นางตระหนักว่าคงจะต้องหายันต์ป้องกันตัวมาเสียแล้ว เพื่อแก้ปัญหาการกักบริเวณในครั้งนี้นางจึงให้จิ่นเซียงไปเตรียมพู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึก นางตั้งใจจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งแล้วสั่งให้บ่าวไปส่งที่จวนสกุลฉู่
ทางด้านสกุลฉู่ พ่อบ้านก็ได้นำจดหมายของแม่นางกวนมามอบให้คุณชายใหญ่ในห้องหนังสือ
ในจดหมายเขียนไว้อย่างเรียบง่าย กวนอวิ๋นซีกล่าวว่าตนถูกกักบริเวณ รบกวนให้เขามาเยี่ยมเยียนนางที นางจะได้ออกไปผ่อนคลายข้างนอก
ในจดหมายเขียนอย่างตรงไปตรงมา เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบเท่านั้น ไร้ซึ่งกลิ่นอายความรักระหว่างบุรุษสตรีที่มักจะส่งให้กัน
ฉู่เหิงจืออ่านจดหมายจนจบอย่างเย็นชาแล้วโยนไปด้านข้าง
ครั้นพ่อบ้านเห็นเหตุการณ์ก็เหลือบมองคุณชายปราดหนึ่ง เนื่องจากครั้งก่อนคุณชายเป็นฝ่ายไปเยี่ยมเยียนแม่นางกวนเอง ด้วยความรอบคอบของพ่อบ้านจึงถามไปประโยคหนึ่ง
“คุณชายขอรับ บ่าวจากสกุลกวนที่มาส่งจดหมายยังรอ…” จะมีจดหมายให้อีกฝ่ายนำกลับไปหรือไม่
“บอกไปว่าข้าไม่อยู่”
“ขอรับ”
พ่อบ้านเข้าใจท่าทีที่คุณชายมีต่อสกุลกวนทันควันจึงสั่งคนให้ไปแจ้งอีกฝ่ายให้กลับไปอย่างวางใจ
พ่อบ้านถอยออกจากห้อง ฉู่เหิงจือนั่งอยู่หน้าโต๊ะ มือหยิบรายงานมาอ่านอย่างละเอียด สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะคือรายงานคดีที่เกี่ยวกับค่ายอูเจียง
รายงานเหล่านี้ท่านพ่อส่งคนไปขอมาจากกรมอาญาแล้วแอบคัดลอกมาให้เขา