ชิวเยวี่ยหลงรักหร่านเจียง นางปรารถนาจะรับใช้ข้างกายเขามาโดยตลอด ส่วนเหมียวลั่วชิงนั้นทำไปเพราะเป็นภาระหน้าที่ จึงไม่เคยยอมให้ชิวเยวี่ยสมหวังสักครา
ทว่าในชาติภพนี้นางตัดสินใจแล้วว่าจะสานฝันชิวเยวี่ยให้เป็นจริง
“ชิวเยวี่ย ข้าไม่สบาย” นางเห็นชิวเยวี่ยตะลึงงันไปจึงเอ่ยต่อโดยไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้พูด “ข้ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวมาก หลายวันนี้คงไม่อาจปรนนิบัติใต้เท้าได้ เจ้าช่วยไปแจ้งพ่อบ้านจ้าวทีว่าข้าขอลาป่วย”
ชิวเยวี่ยแสดงสีหน้าไม่คาดฝัน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสงสัยแทน “เจ้าป่วยหรือ”
เหมียวลั่วชิงหลุบตาลงทันที ก่อนล้มตัวลงนอนอย่างกะปลกกะเปลี้ยแสดงท่าทางไร้เรี่ยวแรง “ยามนี้ข้าอ่อนแรงไปทั่วร่าง หน้ามืดวิงเวียน ไม่มีปัญญาไปปรนนิบัติใต้เท้าหรอก”
เดิมทีชิวเยวี่ยจงใจจะเหน็บแนมหมายให้นางทะเลาะฟาดฟันกับหรุ่ยเอ๋อร์ แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับล้มป่วยแล้วยังอยากลางาน ขณะที่ชิวเยวี่ยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าก็นอนพักเถิด ข้าจะไปแจ้งพ่อบ้านจ้าวให้” ชิวเยวี่ยไม่พูดมากความอีก นางหมุนตัวเดินออกจากห้องไปพลางครุ่นคิด แล้วก็เร่งฝีเท้าไปหาพ่อบ้านจ้าว
ครั้นชิวเยวี่ยจากไปเหมียวลั่วชิงก็ลุกขึ้นนั่ง นางรู้ดีว่าชิวเยวี่ยจะใช้โอกาสนี้ช่วงชิงงานของนางไป ซึ่งก็ตรงกับใจนางพอดี
เหมียวลั่วชิงอดทนอดกลั้นมามากพอแล้ว ชาตินี้นางไม่อยากพบกับจุดจบที่ต้องสิ้นชีวิตอย่างทรมาทรกรรมอีก นางตัดสินใจหลบเลี่ยงหร่านเจียง อยู่ให้ห่างจากเขาไว้ ยิ่งไกลยิ่งดี ขอเพียงไม่ต้องสังหารหร่านเจียง นางก็จะไม่ประสบเคราะห์กรรมจากน้ำมือเขาอีก
แต่จะให้ทางสำนักล่วงรู้ถึงการตัดสินใจนี้ไม่ได้เด็ดขาด นางจะต้องรักษาความลับนี้ไว้ โชคดีที่ทางสำนักไม่ได้ระบุเวลาว่านางจะต้องสังหารหร่านเจียงให้ได้ภายในเมื่อไร ดังนั้นนางจึงคิดจะยืดเวลาออกไปทีละวันๆ ส่วนเรื่องอื่นนั้นวันหลังค่อยแก้ไปตามสถานการณ์!
หลังจากที่เหมียวลั่วชิงตัดสินใจแน่วแน่แล้วนางก็ได้พักอยู่ในห้องเป็นเวลาสามวัน แสร้งแสดงอาการเหมือนคนป่วยให้แนบเนียนที่สุด
สามวันถัดมานางก็ออกจากห้องไปปรนนิบัติใต้เท้า สถานการณ์เป็นเหมือนที่นางคาดการณ์ไว้มิผิดเพี้ยน ที่แท้งานของนางก็ตกไปอยู่ในมือของชิวเยวี่ยแล้ว นางถูกเรียกตัวให้ไปพบพ่อบ้านจ้าวทันที
พ่อบ้านจ้าวกล่าวว่านางล้มป่วยนานเกินไป หน้าที่ดูแลใต้เท้านั้นจะขาดคนไม่ได้ เขาจึงสั่งให้ชิวเยวี่ยไปปรนนิบัติใต้เท้าแทนนาง แล้วก็หาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนชิวเยวี่ย ในเมื่อแทนกันไปแทนกันมา ท้ายที่สุดก็เหลือเพียงงานในห้องครัวที่ยังขาดคน
ครั้นได้ยินว่าตนเองถูกสับเปลี่ยนไปทำงานในห้องครัว เหมียวลั่วชิงก็พลันยิ้มเย็น
งานในห้องครัวเป็นงานหยาบ สาวงามเช่นนางและชิวเยวี่ยมักถูกแบ่งหน้าที่ให้ทำงานที่ประณีตอยู่ในเรือน อย่างไรเสียก็ไม่มีทางสับเปลี่ยนนางให้ไปทำงานในห้องครัวได้ เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านจ้าวจงใจกลั่นแกล้งนาง
เหมียวลั่วชิงมองแววตาเป็นประกายของพ่อบ้านจ้าว นางรู้อยู่แก่ใจว่าพ่อบ้านจ้าวกำลังรอให้นาง ‘ติดสินบน’ เขา
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” นางไม่แยแสสักนิด ถึงจะให้นางเป็นสาวใช้เผาฟืนหรือล้างจานก็ล้วนไม่สลักสำคัญแต่อย่างใด ขอเพียงได้ออกห่างจากหร่านเจียง ยิ่งไกลยิ่งดี
พ่อบ้านจ้าวคิดไม่ถึงว่านางจะไม่ขอร้องอ้อนวอนเลยสักคำ กลับตอบรับอย่างว่าง่ายถึงเพียงนี้ เดิมทีเขาคิดเอาไว้ว่าขอเพียงนางเอ่ยปากขอร้อง เขาก็จะฉวยโอกาสนี้ตั้งเงื่อนไขทันที
“ในเมื่อเจ้ายอมย้ายไปทำงานในห้องครัวแล้วก็ต้องย้ายออกจากห้องนอนเดิมด้วย เจ้าไปนอนเบียดเสียดกับพวกบ่าวไพร่ในโรงนอนแล้วกัน” พ่อบ้านจ้าวเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ