บทที่ 3
หลังจากเหมียวลั่วชิงกินยาแก้พิษเข้าไป ผ่านไปเพียงวันเดียวตัวนางก็รู้สึกหายดีเป็นปกติ ทว่านางยังจะใช้โอกาสนี้พักผ่อนอีกสองวัน ข้อแรกคือนางไม่อยากพบหน้าหร่านเจียง ข้อสองนางต้องการครุ่นคิดว่าก้าวต่อไปจะเดินอย่างไร
ด้านหนึ่งนางคิดจะปกปิดไม่ให้หร่านเจียงล่วงรู้ฐานะนักฆ่าของตน อีกด้านหนึ่งก็ไม่อาจปล่อยให้ทางสำนักจับได้ว่าตนฝ่าฝืนคำสั่ง
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด หากรู้ถึงเป้าหมายของนางแล้วล่ะก็ล้วนมีเพียงจุดจบเดียว…ตายอย่างน่าสมเพช!
เหมียวลั่วชิงไม่กลัวตาย แต่กลับหวาดกลัวว่าตอนตายจะต้องทนทรมาน ยิ่งไปกว่านั้นนางอยากเปลี่ยนโชคชะตาตนเอง จึงยิ่งเห็นคุณค่าชีวิตตนเองมากขึ้น
นางคิดได้แผนการหนึ่ง ในเมื่อทางสำนักก็ส่งอี้มาดักซุ่มอยู่ในจวน เช่นนั้นภารกิจการลอบสังหารก็ยกให้เป็นหน้าที่เขาแล้วกัน นางเพียงแต่ต้องคิดหาวิธีทำให้หร่านเจียงไม่พอใจในตัวนาง จะได้ย้ายนางไปทำงานยังส่วนอื่น ให้นางอยู่ห่างจากเขา
การออกห่างจากหร่านเจียงจะทำให้นางพลาดโอกาสลอบสังหารเขา เมื่ออ้างเหตุผลนี้แล้วทางสำนักก็จะไม่สงสัยในตัวนาง
ครั้นเหมียวลั่วชิงคิดวางแผนเสร็จสรรพ นางก็ ‘หายเป็นปกติ’ กลับไปปรนนิบัติอยู่ข้างกายหร่านเจียงตามเดิม
หร่านเจียง ‘ตกรางวัล’ ให้นางตามสัญญาจริงๆ เขาเรียกนางไปที่ห้องหนังสือ อยู่ต่อหน้าบ่าวไพร่ทุกคน แล้วสั่งให้พ่อบ้านใหญ่ยกกล่องไม้กล่องหนึ่งวางลงเบื้องหน้านาง
ยามที่กล่องไม้ใบนั้นถูกเปิดออก ภายในมีตำลึงทองวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบจำนวนยี่สิบก้อน ลำแสงระยิบระยับสะท้อนออกมา บ่าวไพร่ทุกคนที่ได้เห็นต่างดวงตาร้อนผ่าว
ในมุมมองของเหมียวลั่วชิง ตำลึงทองจำนวนยี่สิบก้อนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นางเคยฟื้นคืนชีพขึ้นมาในชาติใดชาติหนึ่ง นางยั่วยวนหร่านเจียง ครานั้นเขาตกรางวัลนางด้วยปิ่นทองและกำไลหยกซึ่งมีค่าหนึ่งร้อยตำลึงทองเชียว
ทว่าในครานี้นางต้องการให้หร่านเจียงย้ายนางไปไกลๆ ดังนั้นนางจึงแสดงท่าทางอย่างคนเห็นแก่เงิน นางประคองกล่องไม้ใบนั้นด้วยสีหน้าเบิกบานลิงโลด
“ขอบพระคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ บ่าวจะปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี ไม่ให้เสียแรงที่ใต้เท้าตกรางวัลมากมายแก่บ่าว บ่าวจะต้องแย้มยิ้มแม้แต่ในฝันเจ้าค่ะ”
นางกอดกล่องไม้ใบนั้นไว้ ทั้งโค้งกายคำนับ แสดงท่าทางประจบสอพลอราวกับว่า ‘เงินทองเป็นสิ่งล้ำค่า’ แล้ววาจาที่นางเอ่ยออกมา แม้ภายนอกจะแสดงความซาบซึ้งใจ ทว่าคนที่ได้ยินล้วนสัมผัสได้ว่าที่นางแสดงความจงรักภักดีอย่างสุดใจนั้นทำลงไปเป็นเพราะผลประโยชน์ทั้งสิ้น มิใช่ทำเพื่อใต้เท้า
เป็นไปตามคาด ครั้นนางเอ่ยวาจานี้ออกไป นางสังเกตเห็นโดยพลันถึงความเหยียดหยามที่แฝงอยู่ในแววตาหร่านเจียง
“พอได้แล้ว แยกย้ายกันไปทำงานได้” หลังจากที่หร่านเจียงโพล่งคำสั่งประโยคนี้ออกไป เขาก็หลุบตาลง ไม่แลมาที่นางอีก
“เจ้าค่ะ บ่าวขอบพระคุณใต้เท้าที่ตกรางวัลให้เจ้าค่ะ”
เหมียวลั่วชิงประคองกล่องไม้เดินออกไปอย่างยินดีปรีดา ครั้นนางหันหลังให้เขา สายตาอันเร่าร้อนคู่นั้นก็จ้องตามหลังนางมา จับจ้องเงาร่างลิงโลดของนางพลางครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
เหมียวลั่วชิงตัดสินใจใช้หนทางที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดหมายจะออกห่างจากหร่านเจียง นางทำให้ตนเองถูกมองว่าเป็นสตรีธรรมดาที่เห็นแก่เงิน
หลังจากได้รับรางวัลนางก็ไม่ปิดบังความลำพองใจของตนเอง ต่อหน้าสาวใช้และบ่าวไพร่คนอื่นๆ นางแสดงความหยิ่งผยองออกมาอย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ทั้งยังเปิดเผยอย่างแสร้งทำเป็นไม่เจตนาว่ายามที่ใต้เท้ารักษาอาการบาดเจ็บให้นาง เขายังโอบกอดนาง ลูบไล้เรือนร่างนางด้วย นางโอ้อวดต่อหน้าทุกคน แสดงท่าทางกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าใต้เท้าให้ความสำคัญกับตนเพียงใด
การลำพองตนในคุณงามความดีก็คือการแสดงของนาง