หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง สถานการณ์ที่ไซต์ก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น จ้าวหนานเซียวก็เตรียมจะไปแล้ว คืนก่อนหน้าที่จะกลับเธอไปค้างที่ตัวอำเภอ จะได้ขึ้นรถไฟรอบเช้าวันถัดไปได้ทัน
เย็นวันนั้นสวีซู่ขับรถไปส่งเธอกับเฉินซงหนานที่อำเภอ เข้าพักในโรงแรมที่มีการเซ็นสัญญารับรองแขกกับรัฐบาลท้องถิ่น
เศรษฐกิจในท้องถิ่นยังไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่นัก นอกจากถนนใหญ่ไม่กี่สายในใจกลางที่ดูแล้วถือว่าสว่างไสวเป็นระเบียบ ถนนสายอื่นส่วนใหญ่ที่เห็นในอำเภอยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบเก่าที่สร้างในศตวรรษที่แล้ว โรงแรมที่เรียกตัวเองว่าห้าดาว อย่างมากสุดก็ได้ห้องพักมาตรฐานสามดาว แต่นี่คือสถานที่ที่ดีที่สุดที่จ้าวหนานเซียวได้นอนในช่วงนี้แล้ว อย่างน้อยก็ได้อาบน้ำอุ่นดีๆ
สองวันมานี้อยู่ๆ อุณหภูมิก็ลดลง เย็นเมื่อวานซืนขณะที่เธอต้มน้ำเช็ดตัวก็เหมือนจะหนาวจนแข็งเล็กน้อย วันนี้พอเสร็จงานได้ผ่อนคลาย ศีรษะกลับรู้สึกปวด คนก็อ่อนยวบไม่มีแรง แต่ตลอดทางที่นั่งรถมาตัวอำเภอกลับอดทนไว้ไม่แสดงออกมา ถึงโรงแรมแล้วก็เข้าห้อง ทั้งล้าทั้งเพลีย แม้จะเป็นเวลาอาหาร แต่เธอไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด คิดแค่ว่าอยากอาบน้ำแล้วเข้านอนเร็วหน่อย
จ้าวหนานเซียวแกะยาสำรองที่พกติดตัวไว้ตลอดออกมาจากมุมกระเป๋า ขณะกำลังจะกิน กริ่งประตูก็ดังขึ้น เธอจึงเดินไปเปิดประตู
“เสี่ยวเฉิน?”
“วิศวกรจ้าว วิศวกรสวีบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นพวกเรา เขารู้จักร้านอาหารชื่อดังในถิ่นนี้ รสชาติไม่เลว” เฉินซงหนานหันไปมองทางลิฟต์
หญิงสาวมองไปตามทางที่อีกฝ่ายมอง สวีซู่สองมือล้วงกระเป๋า ยืนอยู่หน้าลิฟต์โดยหันข้างให้ทางนี้ สายตาตกอยู่ที่ผนังฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนกำลังศึกษาหน้าจอเล็กๆ ด้านบนที่มีตัวเลขเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงชั้นอาคาร
เธอเก็บสายตากลับมา ยิ้มเล็กน้อยแล้วบอก “อีกสักพักฉันมีธุระ ไม่ไปดีกว่า พวกนายไปกินกันเถอะ”
จ้าวหนานเซียวพยักหน้าให้เฉินซงหนานที่มีสีหน้าผิดหวัง จากนั้นก็ปิดประตู แกะยาแก้หวัดสองเม็ดออกมาจากแผงยาแล้วกลืนลงไป ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ ทว่าเพิ่งถอดเสื้อผ้าได้ครึ่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้นมาอีก เธอจึงได้แต่สวมชุดกลับไปลวกๆ แล้วไปเปิดประตู
พอเปิดประตูหญิงสาวก็ต้องชะงัก ที่ยืนอยู่นอกประตูครั้งนี้กลับเป็นสวีซู่
เธอกวาดมองด้านหลังสวีซู่อย่างรวดเร็วก็ไม่เห็นเฉินซงหนาน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลงไปแล้ว แล้วสวีซู่ค่อยแอบกลับมาคนเดียว
“มีอะไรหรือ”
สวีซู่มองเธอ ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด
“…คุณรู้สึกไม่สบายรึเปล่า ตลอดทางที่นั่งรถมาผมเห็นคุณดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา”
เขาลูบผมสั้นเกรียนของตนเอง ในที่สุดก็พูดออกมา
ตอนมาเขาเป็นคนขับรถ เธอนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ไม่เห็นเขาหันหน้ามาเลย แสดงว่าที่จริงแล้วเขามองเธอจากกระจกมองหลังมาตลอดทางหรือ
จ้าวหนานเซียวในใจเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจที่น่าอึดอัด
“เปล่า ฉันสบายดี” เธอพูดเรียบๆ
สวีซู่เงียบไป สายตายังคงมองเธอ พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ความระแวดระวังเมื่อครู่นี้หายไปแล้ว บนใบหน้าปรากฏสีหน้าเพิกเฉยในแบบที่ให้ความรู้สึกไม่สนใจโลกที่เธอคุ้นเคยอย่างยิ่ง
“ไม่เป็นไรก็ดี ผมแค่ถามเฉยๆ คุณพักผ่อนเถอะ ไม่รบกวนแล้ว”
เขาหันหน้าไป ไม่นานเงาร่างก็หายเข้าไปในลิฟต์
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ธ.ค. 64 เวลา 12.00 น.