ความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงคนนั้นกับวิศวกรสวีดูออกจะธรรมดา หลายวันก่อนทั้งสองนอกจากจะคุยกันเรื่องงานไม่กี่ประโยคแล้ว ดูไม่ออกเลยว่ามีการคบหากันเป็นการส่วนตัว และก็ไม่รู้ว่าทำไมเย็นนี้สวีซู่ถึงไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องเล็กๆ แบบนี้ไป
“คนแซ่หยาง แกเป็นคนปล่อยงูใช่ไหม” น้ำเสียงของสวีซู่พลันตึงเครียด
หยางผิงฝูเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ในใจก็ตกประหม่า รู้ว่าปิดบังต่อไปไม่ได้แล้วจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอธิบายด้วยรอยยิ้ม “วิศวกรสวี เรื่องนี้ผมยอมรับ เป็นผมที่ทำไม่ถูกต้อง ผมก็สำนึกผิดแล้ว ตอนนั้นไม่ควรเลอะเลือนชั่ววูบ แต่ว่างูไม่มีพิษจริงๆ ผมยังพอมีมโนธรรมอยู่ ผมแค่อยากขู่ให้เธอตกใจเฉยๆ ต่อให้เธอไม่ระวังโดนกัดจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก…”
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!”
สวีซู่คว้าคอเสื้อของหยางผิงฝูแล้วต่อยไปหมัดหนึ่ง มีเสียงดัง ‘ตุ้บ’ หยางผิงฝูที่รูปร่างไม่จัดว่าเล็กถูกต่อยล้มลงบนพื้น
หยางผิงฝูร้องด้วยความเจ็บปวด สวีซู่ไม่พูดสักคำ เข้ามาจ้องหน้าเขาแล้วต่อยใส่อีกครั้ง
เลขาฯ เหยียนถูกปฏิเสธในการทำความรู้จักกำลังผิดหวัง พลันเห็นสวีซู่ลงมือก็สะดุ้งตกใจ วิ่งเข้ามาหยุดการทุบตี
สวีซู่ลงมือไม่เบาเลย แค่สองทีหยางผิงฝูก็ลุกไม่ขึ้นแล้ว กองอยู่บนพื้นพูดยอมรับผิดไม่หยุด
เลขาฯ เหยียนและหยางผิงฝูมีการคบหาเป็นการส่วนตัวไม่เลว พอได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ก็เห็นหยางผิงฝูมีเลือดกำเดาไหลแล้ว สวีซู่ดูเหมือนดื่มเหล้ามา ใบหน้าโมโหดุร้ายราวยักษ์อสูร ในใจก็ประหวั่นพรั่นพรึง ยื้อยุดเขาไว้สุดชีวิต บอกว่าผู้จัดการหยางทำไปเพราะคำนึงถึงระยะเวลาก่อสร้าง ตอนนั้นร้อนใจเกินไปถึงได้ทำเรื่องไม่เหมาะสมอย่างนี้
“คนแซ่หยาง สำนักงานใหญ่สั่งแล้วสั่งอีกให้ตรวจสอบวินัยของตัวองค์กร ที่ไม่ฟ้องให้ตรวจสอบแกคือไว้หน้าแกแล้ว แกยังทำเรื่องแบบนี้อีก!”
คนบนถนนเห็นมีเรื่องครึกครื้นน่าดู ไม่นานก็ล้อมวงเข้ามา มีคนโทรแจ้ง 110 เลขาฯ เหยียนกลัวว่าถ้าเกิดเรื่องบานปลายไปกันใหญ่จะไม่ดีต่อตนเองจึงรีบห้ามเอาไว้ แล้วบอกว่าเป็นคนกันเอง แค่เมาแล้วแกล้งกัน
“ผมผิดไปแล้ว บ้านผมยังมีผู้ใหญ่กับเด็กที่ต้องเลี้ยง วิศวกรสวีคุณปล่อยผมไปเถอะ อีกหน่อยผมไม่กล้าแล้ว…”
“ตอนนี้รู้จักแบ่งผู้ใหญ่ผู้น้อยแล้วเหรอ ทีตอนที่แจกซอง ปล่อยงู ทำไมไม่คิดบ้าง ฉันว่าแกกินข้าวข้างนอกจนเบื่อแล้วล่ะ อยากไปกินข้าวในคุกใช่ไหม!”
สวีซู่โกรธจนไม่อาจควบคุม เข้าไปเตะซ้ำอีกที
เลขาฯ เหยียนแตกตื่นอย่างยิ่ง รีบวิ่งกลับมาเกลี้ยกล่อมสุดชีวิต “วิศวกรสวี ผู้จัดการหยางหลายปีมานี้รอบคอบระมัดระวัง ทำอะไรให้บริษัทไม่น้อย ถึงไม่มีความชอบแต่ก็ทำงานหนัก ยกโทษได้ก็ยกโทษเถอะนะ สงบอารมณ์หน่อย”
“ให้ผมไปขอขมาคุณจ้าวไหม ให้คุณจ้าวยกโทษให้ ให้ผมคุกเข่า…” หยางผิงฝูขอร้องด้วยความจนใจ
สวีซู่นวดคลึงกำปั้น สูดหายใจรับลมกลางคืนเข้าไปช้าๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา “คนแซ่หยาง แกทำตัวดีๆ นะ”
เลขาฯ เหยียนเห็นเขาสะบัดหน้าจากไปก็ถอนใจโล่งอก รีบประคองหยางผิงฝูขึ้นรถ เกลี้ยกล่อมเสียงค่อย “ช่างเถอะๆ คุณชายใหญ่แบบนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว จะบ้าก็บ้า จะคลั่งก็คลั่ง สันดานเลวร้ายตั้งแต่เล็ก โลกทั้งใบหมุนรอบตัวเขา ปล่อยไปเถอะ เพื่อความสงบสุขของโลก”