จ้าวหนานเซียวอาบน้ำอุ่นแล้วเป่าผมให้แห้ง ปีนขึ้นเตียงปุ๊บก็ปิดไฟเข้านอน ไม่รู้ว่าอยู่ในความมืดนานเท่าไหร่ มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงอยู่ๆ ก็มีเสียงริงโทนของสายเข้า
หลังจากทำงานแล้วเธอก็ปิดเครื่องไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หัวหน้าจะโทรมาถามความคืบหน้าของภาพแปลน บอกว่าเจ้าของงานกำลังออนไลน์เพื่อรอคำตอบแม้จะเป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืนก็ตาม
ศีรษะเธอหนักอึ้งลุกไม่ขึ้น เธอสะลึมสะลือไม่ได้รับสาย แต่เสียงริงโทนช่างตื๊ออย่างยิ่ง หลังจากดังแล้วหยุดไปก็ดังขึ้นมาอีก
จ้าวหนานเซียวดิ้นรนจนลุกขึ้นมาได้ในที่สุด หลับตาพลางคลำหาโทรศัพท์
“ใครคะ”
“เสี่ยวหนาน ลูกใช่ไหม” เสียงของเสิ่นเสี่ยวมั่นผู้เป็นแม่ดังเข้ามาในหู
หญิงสาวลืมตาในทันที “หนูเอง แม่ทำไมอยู่ๆ ก็โทรมาหาหนูล่ะ”
“เสี่ยวหนานเป็นอะไรไปลูก ทำไมเสียงแหบขนาดนี้ ลูกป่วยหรือ” น้ำเสียงของผู้เป็นแม่ฟังดูแตกตื่น
จ้าวหนานเซียวรีบปิดช่องเสียงบนมือถือเอาไว้ เคลียร์ลำคอที่ปวดบวมหลังจากนอนหลับได้ตื่นหนึ่ง ค่อยพูดขึ้นใหม่อีกครั้ง “เปล่าค่ะ สัญญาณไม่ดีมั้งคะ แม่โทรมามีเรื่องอะไร”
แม่ของเธอคงเชื่อแล้วแน่นอน เธอรู้สึกได้ว่าแม่ถอนใจโล่งอกอยู่ในโทรศัพท์
“ตอนเย็นแม่ส่งข้อความหาลูกไปตั้งมากมาย ลูกไม่ตอบกลับเลย! แม่เป็นห่วงจะแย่ ถึงได้โทรหานี่ไง! ลูกทำอะไรอยู่ เมื่อกี้โทรติดต่อกันหลายสายก็ไม่รับ!”
เสิ่นเสี่ยวมั่นเป็นคนที่ได้รับการอบรมมาดี ปกติไม่ว่าพูดกับใครล้วนพูดเสียงเบา เมื่อครู่คงจะร้อนใจจริงๆ น้ำเสียงถึงได้แฝงการตำหนิ
“แม่ วันนี้หนู…”
เดิมเธอจะบอกว่าวันนี้เหนื่อยจนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ จึงไม่ได้อ่านข้อความที่แม่ส่งมาและไม่ได้รับโทรศัพท์ในตอนแรก แต่พอเริ่มพูดไปแค่ช่วงต้นก็หยุดแล้วเปลี่ยนคำพูดใหม่ “เมื่อกี้โทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว ก็เลยไม่ได้รับ ทำให้แม่เป็นห่วงแล้ว โทรหาหนูมีอะไรคะ”
“เสี่ยวหนาน เรื่องทางฝั่งแม่กำลังจะเรียบร้อยแล้ว…”
สัญญาณในห้องไม่ค่อยดีจริงๆ เสียงเดี๋ยวดังเดี๋ยวหาย ทั้งยังมีเสียงซ่าๆ เข้ามา
จ้าวหนานเซียวรีบลงจากเตียงแล้วออกไปนอกห้อง
“เมื่อกี้แม่พูดอะไรนะคะ”
“แม่กะว่าอีกไม่กี่วันก็จะกลับประเทศ คุณตาของลูกช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้าง”
“คุณตาสบายดีค่ะ ไม่กี่วันก่อนหนูเพิ่งโทรคุยกับเขา เขาอยู่ต่างเมือง จุดบรรจบ* ของสะพานใหญ่มีปัญหา เชิญเขาไปแก้ไข ช่วงนี้ไม่อยู่ที่ปักกิ่ง”
“เกษียณมานานแล้ว ดูแลนักศึกษาปริญญาเอกก็แล้วไป ยังจะไปต่างเมืองอีก!” เสิ่นเสี่ยวมั่นทอดถอนใจ “ช่างเถอะ บอกให้คุณตาของลูกพักผ่อนเขาก็ไม่ฟัง เสี่ยวหนานลูกอย่าเอาอย่างคุณตานะ ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน”
“ที่บ้านค่ะ” จ้าวหนานเซียวพูดโกหก
“เสี่ยวหนานลูกฟังแม่นะ อย่าโหมงานหนักเกินไป แล้วก็พวกสถานที่ห่างไกล ห่างความเจริญ สถานที่อันตรายต่างๆ ถ้าหัวหน้าให้ลูกไปล่ะก็ ลูกอย่ารับเด็ดขาด อย่างมากเราก็ไม่ทำ!”
“อืมๆ รู้แล้วค่ะ…” จ้าวหนานเซียวพูดเลี่ยง รับปากไปส่งๆ
“เสี่ยวหนาน แม่กลับมาครั้งนี้อยากจะคุยกับลูกเรื่องที่ลูกจะไปต่างประเทศกับแม่…”
“แม่ โทรศัพท์หนูใกล้แบตฯ หมดแล้ว เดินทางไปต่างประเทศเปลืองเงินนะคะ เรื่องนี้ไว้ค่อยพูดกันวันหลัง แค่นี้ก่อนละกัน หนูสบายดี แม่วางใจได้!”
จ้าวหนานเซียวพูดตัดบทแม่แล้ววางสาย ก่อนจะเปิดดูข้อความชุดใหญ่ที่แม่ส่งมาหาเมื่อตอนเย็น เธอพิงขอบหน้าต่างช้าๆ ได้สติจากภาพวิวกลางคืนนอกหน้าต่าง
ลมกลางคืนหอบหนึ่งพัดมา หญิงสาวรู้สึกศีรษะหนักอึ้งเท้าเบาหวิว หนาวไปทั่วทั้งร่างจนสั่นสะท้านขึ้นมา พอคิดจะกลับห้อง หันหลังไปก็เห็นสวีซู่ยืนอยู่บนทางเดินด้านข้างลิฟต์กำลังมองมาที่เธอ เงียบงันไม่ส่งเสียงราวกับวิญญาณก็ไม่ปาน ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว
จ้าวหนานเซียวตกใจสะดุ้งโหยง มือถือจึงตกลงบนพื้นข้างหน้าเท้า
สวีซู่รีบเดินเข้ามาก้มลงเก็บมือถือให้ เธอเองก็โน้มตัวลงไปพอดี มือทั้งสองแตะกันเพียงแผ่ว ผิวหนังสัมผัสกันและกัน
ชายหนุ่มชะงัก รีบเงยหน้าขึ้นมองเธอ
เขาน่าจะดื่มเหล้ามา ดวงตายังแดงอยู่นิดหน่อย ใบหน้าทั้งสองเข้าใกล้กันมาก จ้าวหนานเซียวได้กลิ่นเหล้าจากลมหายใจของเขา
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 3 ธ.ค. 64 เวลา 12.00 น.