เสิ่นเสี่ยวมั่นพยักหน้า ‘เขาน่ะเหรอ หลายปีมานี้ถึงจะไม่ได้ไปมาหาสู่ แต่ปีที่แล้วพ่อฉันกระดูกหัก คุณไม่อยู่ ตอนนั้นฉันก็อยู่ต่างเมืองกลับมาไม่ได้ เขาก็ช่วยเหลือไว้มาก งานออกจะยุ่งขนาดนั้น ยังมาดูแลพ่อฉันด้วยตัวเองอีก’
‘ใช่แล้ว เหล่าสวีก็คงจะงานยุ่งเหมือนกัน ไม่อยู่บ้านทั้งปี หย่าไปนานแล้ว เขามีลูกชายอยู่คนหนึ่ง ตอนเด็กๆ ตามไปอยู่กับอดีตภรรยาเขาที่ต่างประเทศ สักห้าหกปีได้แล้ว ปีที่แล้วอดีตภรรยาเขาแต่งงานใหม่ มีลูกอีกคน น่าจะมีบางอย่างไม่สะดวก เหล่าสวีก็ไม่วางใจให้ลูกอยู่ที่นั่นจึงรับกลับมา คิดว่าอีกหน่อยจะให้อยู่กับตนเอง ตอนนี้ก็กลับมาได้สองสามเดือนแล้ว’
‘งั้นเหรอ’
เสิ่นเสี่ยวมั่นแปลกใจเล็กน้อย ‘ลูกชายเขาอายุเท่าไหร่แล้ว เด็กคนนั้นต้องการเรียนพิเศษเหรอคะ’
‘ใช่ เด็กกว่าเสี่ยวหนานของเราหนึ่งปี อายุสิบสี่ ชื่อว่าสวีซู่ เหล่าสวีจะให้ลูกชายแทรกชั้น ม.สอง ในโรงเรียนมัธยมต้นของเสี่ยวหนาน ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมแล้ว ที่สำคัญคือต้องเรียนพิเศษ ระดับของทางอเมริกากับของทางเราเทียบกันไม่ได้ โดยเฉพาะภาษาและวรรณคดีกับคณิตศาสตร์ เข้าไปทั้งอย่างนี้ต้องตามไม่ทันแน่ๆ เหล่าสวีบอกว่าตอนแรกส่งไปชั้นเรียนพิเศษ ไม่ถึงสองวันผู้ปกครองคนอื่นก็ไม่พอใจ บอกว่าส่งผลกระทบต่อลูกตัวเอง ชั้นเรียนพิเศษยอมชดใช้เงินดีกว่ารับคนไว้ พอเชิญครูมาสอนพิเศษตัวต่อตัวที่บ้าน ครูสอนพิเศษมาไม่ถึงสองครั้งก็ไม่มาอีก เปลี่ยนมาหลายคนแล้ว ผมเห็นเหล่าสวีพูดแล้วก็ปวดหัว เลยบอกว่าผมจะกลับมาถามดูว่าเสี่ยวหนานของเราพอจะว่างรึเปล่า ถ้าว่างก็จะได้ให้ลูกชายเขามาบ้านเราให้เสี่ยวหนานลองดู ดูว่าพอจะช่วยสอนอะไรได้ไหม ช่วยได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ’
เสิ่นเสี่ยวมั่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พูดว่า ‘ผลการเรียนของเสี่ยวหนานยังดีอยู่ เมื่อก่อนก็เคยช่วยสอนการบ้านลูกของเพื่อนบ้าน ถือว่ามีประสบการณ์ ฉันแค่เป็นห่วงนิดหน่อย เด็กคนนี้ซนรึเปล่า ทำไมขนาดชั้นเรียนพิเศษก็ยังไม่รับไว้’
‘เหล่าสวีบอกว่าลูกชายไม่ค่อยเชื่อฟังจริงๆ แม่ของเขาก็เคยพาไปหาจิตแพทย์ที่อเมริกามาก่อน สื่อสารได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ไม่ต่อยตีคนเด็ดขาด เรื่องนี้เขาไม่มีทางพูดมั่ว ผมเชื่อเขา’
เสิ่นเสี่ยวมั่นมองลูกสาวสุดที่รักที่เท้าคางฟังตนเองและสามีคุยกัน
‘แม่คะ หนูไม่มีปัญหา ปีที่แล้วพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน หนูอยู่กับคุณตา พอคุณตาประสบอุบัติเหตุ ลุงสวีรู้เข้าก็มาช่วย เขาเป็นคนดีมาก ยังไงปิดเทอมฤดูร้อนหนูก็มีเวลา หนูลองดูได้ค่ะ’
จ้าวหนานเซียวจำคนเก่ง ลุงสวีมาช่วยเหลือ ปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี เธออยากจะตอบแทนเท่าที่ขอบเขตความสามารถของเธอจะทำได้
ลูกสาวพูดอย่างนี้แล้ว เสิ่นเสี่ยวมั่นถึงจะไม่วางใจก็ทำได้แค่รับปาก
สุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่าวันถัดไปอีกฝ่ายจะมาเรียนพิเศษกับเธอ
เย็นวันนั้นจ้าวหนานเซียวสาวน้อยเด็กเรียนที่เป็นถึงหัวหน้าห้องหัวหน้ากลุ่มนอกจากเตรียมบทเรียนแล้ว ยังหาข้อมูลเกี่ยวกับช่วงต่อต้านในวัยรุ่นจากอินเตอร์เน็ต สุดท้ายก็ได้บทสรุป
จะเย็นชา จะใจร้อน ขี้หงุดหงิด ทำอะไรไม่นึกถึงผลที่ตามมา ผลการเรียนตกลง ต่อต้านการไปเรียนหนังสือต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นการแสดงออกของช่วงต่อต้านในวัยรุ่น เธอต้องเตรียมการไว้ และก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง มีโอกาสค่อยสั่งสอนให้ความรู้
แม้ข้อมูลจะบอกไว้ว่าทุกวันนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาการต่อต้านของวัยรุ่นที่มีประสิทธิภาพ แต่เธอเชื่อว่าขอเพียงมีความอดทน ปฏิบัติด้วยความจริงใจและความรักความเอาใจใส่ ในโลกนี้ก็ไม่มีน้ำแข็งที่ไม่สามารถละลาย
เธอมั่นใจในข้อนี้