ที่โรงเรียนเธอเป็นแบบอย่างของคนเรียนเก่งที่ช่วยเหลือคนเรียนอ่อน ไม่ใช่เพราะว่าเธออยากอวดตนเอง แต่เป็นเพราะความรู้สึกรับผิดชอบโดยธรรมชาติที่มีต่อการทำหน้าที่ ความรู้สึกรับผิดชอบแบบนี้น่าจะมาจากท่าทีที่มีความรับผิดชอบอย่างสูงต่ออาชีพการงานของคุณตาและพ่อ เธอได้รับอิทธิพลจากพวกเขามาตั้งแต่เด็ก บวกกับเธอมีนิสัยที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยกำเนิด
สวีซู่เป็นลูกชายของลุงสวี ทั้งยังเด็กกว่าเธอ ก็ทำเหมือนว่าเขาเป็นน้องชายที่ไม่รู้ความไปละกัน ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปเทียบกับเขา อย่างไรเสียน้องชายไม่รู้ความ เป็นถึงพี่สาวจะปล่อยไปไม่สนใจได้อย่างไร
การยอมแพ้เมื่อพบเจออุปสรรคไม่ใช่วิถีของจ้าวหนานเซียว
ไม่นานจ้าวหนานเซียวก็จัดการกับความรู้สึกละอายและความเสียใจที่มีมาแต่เช้าได้ ลุกขึ้นกลับไปที่ห้อง นอกจากรีบทำเวลาตระเตรียมเนื้อหาการสอนในครั้งถัดไปแล้ว ก็ใคร่ครวญใหม่ว่าควรจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไรดี
เวลาเธอทำงานมักจะวางแผนการจนชิน ทำทุกอย่างตามลำดับขั้นตอน เมื่อวานนี้รีบร้อนเกินไป บวกกับไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเพียงพอ จึงตอบรับได้ไม่ถ้วนถี่เลยจบไม่สวย
เช้าวันรุ่งขึ้นจ้าวหนานเซียวส่งพ่อออกเดินทางไกลด้วยความอาลัยอาวรณ์พร้อมกับแม่ แล้วก็มานั่งรอสวีซู่อยู่ในห้องรับแขก
พอเก้าโมงเขาก็มา ยังคงเป็นเหมือนเมื่อวาน ขณะที่เข้าไปในห้องหนังสือก็หยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง
จากการขอร้องอย่างแรงกล้าของจ้าวหนานเซียว เมื่อคืนพ่อก็ยอมโละกำแพงถ้วยรางวัลในที่สุด
จ้าวหนานเซียวเห็นเขามองตนเองทีหนึ่ง รู้สึกเหมือนเขาจะเบะปาก
เธอจะถือว่าตัวเองคิดมากไปเองก็แล้วกัน แล้วหยิบอุปกรณ์การสอนที่เมื่อคืนเตรียมไว้ออกมา เริ่มต้นการสอนของวันนี้
ท่าทีของเธอก็เหมือนกับเมื่อวาน ทั้งอดทนและอ่อนโยน แต่สวีซู่กลับไม่เหมือนเมื่อวานแล้ว ดูใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภายหลังเธอเรียกให้เขาทำโจทย์ เขาจ้องเธอ สายตาส่อแววร้าย ไม่ขยับเขยื้อน
‘เขียนสิ จ้องฉันทำไม ถ้ายังไม่เข้าใจข้อควรรู้เมื่อกี้ ฉันอธิบายอีกรอบก็ได้’ เธอยิ้มพลางเร่ง
เขาหยิบปากกาขึ้นมาช้าๆ ก้มหน้าเขียนสองสามที พลันโยนปากกาลูกลื่นทิ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า ‘เลิกเสแสร้งได้แล้ว! เร็วสิ โทรหาพ่อฉัน บอกว่าฉันรังแกเธอ เธอจะไม่สอนแล้ว!’
จ้าวหนานเซียวยังคงยิ้ม ‘นายไม่ได้รังแกฉัน ฉันจะพูดแบบนั้นไปทำไม’
เขาหรี่ตา ‘ไว้หน้าเธอแล้วนะ อย่าได้คืบจะเอาศอก!’
จ้าวหนานเซียวยิ่งยิ้มหวาน ‘ฉันจะได้คืบแล้วเอาศอก! นายลองรังแกฉันดูสิ ฉันอยากรู้ว่านายจะรังแกฉันยังไง’
ดวงตาสวีซู่ฉายแววประหลาดใจ เขามองเธอ
‘สวีซู่ ถ้านายไม่อยากเรียนขนาดนี้จริงๆ นายก็ไปพูดกับลุงสวีให้รู้เรื่องเองสิ อย่ามาแล้วมาก่อกวนฉันที่นี่ นายทำแบบนี้ออกจะไร้เดียงสาไปหน่อยนะ’
‘เธอว่าไงนะ’
สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป เขากำหมัดและลุกขึ้นมาทันใด เท้าเกี่ยวขาเก้าอี้ล้ม ทำให้เกิดเสียงดังตึง!
ใบหน้าจ้าวหนานเซียวยังคงมีรอยยิ้ม ‘ถ้านายไม่อยากคุยกับลุงสวี ฉันจะสอนอีกวิธีให้นาย แม่ฉันอยู่ข้างนอก นายออกไปตอนนี้เลยก็ได้ ทำเป็นอาละวาดใส่เธอแบบที่ทำกับฉันที่นี่ ฉันรับรองว่าพรุ่งนี้นายจะไม่ต้องมาที่นี่แล้ว’