บทที่ 8
ครั้งนี้สวีซู่ไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก ไม่เพียงแต่ไม่มาในวันรุ่งขึ้น หนึ่งสัปดาห์ต่อมาจ้าวหนานเซียวส่งข้อความให้เขา นัดเขาอีกหลายครั้ง เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะตอบ พอโทรไปถ้าไม่ใช่ไม่มีคนรับสายก็สายไม่ว่าง
จ้าวหนานเซียวจับต้นชนปลายไม่ถูกและรู้สึกไม่วางใจ เดิมอยากจะถามลุงสวี แต่พอนึกถึงสิ่งที่วันนั้นได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็รู้สึกว่าลุงสวีอยู่ต่อหน้าลูกชายไม่ได้ใจดีเหมือนที่อยู่ต่อหน้าเธอ กลัวว่าเขารู้แล้วจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงยิ่งไม่กล้าบุ่มบ่ามไปหาที่บ้าน
รอจนสองสัปดาห์ผ่านไป เมื่อสอบวิชาสุดท้ายของสอบกลางภาคที่โรงเรียนเสร็จ เธอก็ตั้งใจส่งกระดาษคำตอบก่อนแล้วรีบมารอสวีซู่นอกห้องเรียนที่เขาอยู่ ปรากฏว่าไม่มีคน พอถามครูก็ได้รับคำตอบว่าเขานั่งอยู่ยี่สิบนาทีก็ส่งกระดาษคำตอบแล้วจากไป
‘สวีซู่คนนี้นี่จะเอายังไงดี ครูได้ยินคุณครูหูที่สอนวิชาเลขบอกว่าเขาค่อนข้างฉลาด ทำโจทย์เพิ่มเติมในข้อสอบได้ทุกครั้ง ทำไมถึงไม่ตั้งใจเรียน เอาแต่ทำตัวเป็นนักเลง เป็นนักเลงมันสนุกมากนักเหรอ จ้าวหนานเซียว หนูรู้จักเขาเหรอ’
แววตาของคุณครูเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
จ้าวหนานเซียวตอบอย่างอึกอักไปสองคำ
ทีแรกเป็นห่วงว่าเขาจะเกิดเรื่อง ในเมื่อมาสอบแล้ว แสดงว่าไม่มีปัญหาอะไร
นอกจากเธอจะผิดหวังแล้วก็รู้สึกเบาใจได้บ้าง
ผ่านไปไม่กี่วัน ลุงสวีโทรศัพท์มาหาเธอ ถามว่าช่วงนี้สวีซู่ได้ไปเรียนพิเศษกับเธอหรือเปล่า จ้าวหนานเซียวบอกอย่างอ้อมค้อมว่าเพราะตนเองกดดันจากการขึ้น ม.สาม ช่วงนี้จึงไม่มีเวลาเรียกเขามาเรียนชั่วคราว แล้วเอ่ยคำขอโทษ
ลุงสวีรีบบอกว่าเขาเข้าใจ แล้วพูดว่าผู้ช่วยบอกเขาว่าช่วงนี้สวีซู่เหมือนจะไม่ได้ไปเรียนพิเศษกับเธอ เลยโทรมาถามเพื่อยืนยันเรื่องนี้ ถ้าไม่มีอะไรก็ดี ให้เธอตั้งใจเรียนไป ไม่ต้องสอนแล้ว
แม้จ้าวหนานเซียวจะขบคิดจนหัวแตกก็คิดไม่ออกว่าเขาอยู่ๆ ดีทำไมถึงเปลี่ยนไปในฉับพลัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากมาแล้ว ที่จริงเธอไม่สามารถทำอะไรได้ บวกกับการเรียนของตัวเธอเองก็ยุ่งมากจริงๆ ทำได้เพียงปล่อยไป
ต่อจากนั้นเธอได้ยินว่าแม้แต่การสอบประจำเดือนของโรงเรียนเขายังขาดสอบ พอเป็นแบบนี้ราวสองเดือนให้หลังในวันสุดสัปดาห์วันหนึ่ง จ้าวหนานเซียวกับเพื่อนร่วมชั้นส่วนหนึ่งไปเข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติการทางสังคมที่ย่านชานเมืองตะวันออก ตกเย็นเมื่อกิจกรรมสิ้นสุดพวกเธอก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์แถวนั้นเพื่อนั่งรถกลับเข้าเมือง
ที่นี่เป็นส่วนเชื่อมต่อกับชานเมือง ใกล้กับรถไฟความเร็วสูง เลยออกไปก็จะเป็นชนบท ละแวกนี้กำลังรื้อถอนอาคาร สภาพแวดล้อมค่อนข้างรกเละเทะ ขณะที่กำลังจะถึงป้ายรถเมล์ จ้าวหนานเซียวพลันเห็นที่ใต้สะพานแห่งหนึ่งซึ่งไกลออกไปหลายสิบเมตรมีคนคนหนึ่งพิงมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์ที่จอดอยู่ข้างทาง สวมเสื้อหนังกับรองเท้าบูต ในปากคาบบุหรี่แล้วยังคุยโทรศัพท์ คนเดินผ่านพากันหลีกทางให้
คนคนนั้นหันข้างมาทางนี้ มองเห็นหน้าไม่ค่อยชัดเจน แต่ว่ารูปร่างคุ้นตา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทรงผมที่เด่นสะดุดตานั้น
กลับเป็นสวีซู่ที่หายตัวไปนานสองเดือนแล้ว!
ในที่สุดก็ได้มาเจอเขาที่นี่ จ้าวหนานเซียวจะปล่อยไปแบบนี้ได้อย่างไร เธอรีบบอกว่ามีธุระให้เพื่อนร่วมชั้นไปกันก่อน แล้วตนเองก็จ้ำอ้าวเดินเข้าไป
‘สวีซู่!’ เธอเรียกทีหนึ่ง
สวีซู่หันมาทันที พอสบตากับเธอ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป เขาพ่นควันในปากออกพรวด รีบคว้าหมวกกันน็อกที่ผูกอยู่ด้านหน้าลงมาสวมบนศีรษะ ขายาวข้างหนึ่งพาดคร่อมขึ้นไปนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ มือเอื้อมไปหาสตาร์ตเตอร์ที่เสียบกุญแจอยู่
‘นายยังจะหนีอีก? หยุดเดี๋ยวนี้นะ!’
จ้าวหนานเซียวรีบพุ่งเข้าไปทันที ยื่นมือดึงรถมอเตอร์ไซค์ไว้
สวีซู่ชะงักแล้วหันมาช้าๆ สบตากับเธออยู่ชั่วครู่โดยมีแว่นหมวกกันน็อกกั้น เขาถอดหมวกกันน็อกลงแล้วขมวดคิ้ว ‘จะทำอะไร’
จ้าวหนานเซียวปล่อยมือ