สวีซู่เหมือนจะไม่พอใจ บิดคันเร่ง มอเตอร์ไซค์ส่งเสียงกระหึ่มพุ่งตัวออกไป จ้าวหนานเซียวหน้าหงายไปด้านหลัง รีบกอดเอวเขาแน่นไม่กล้าปล่อยมือ
ลมกลางคืนแรงมาก บนถนนแป๊บเดียวก็มองไม่เห็นคนแล้ว เขาส่งเธอกลับไปที่ป้ายรถเมล์ในตอนแรกแล้วเบรกอย่างกะทันหัน มีเสียงดังเอี๊ยด หน้าอกจ้าวหนานเซียวที่ปกติเวลาอาบน้ำถ้าถูแรงก็เจ็บอยู่หน่อยๆ ได้กระแทกเข้ากับแผ่นหลังผอมบางของเด็กหนุ่มเนื่องจากแรงเฉื่อย เธอเจ็บปวดอย่างยิ่ง เห็นเขาหันหน้ามาก็อดทนไว้ไม่กล้าแสดงออก ก่อนจะลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์
บนแท่นยืนไม่มีคน คนเดินเท้ารอบข้างก็น้อยมาก ไฟข้างทางส่องแสงดูเปลี่ยวร้าง
‘ให้รอรถเป็นเพื่อนไหม’ เขาถาม
จ้าวหนานเซียวคืนหมวกกันน็อกและเสื้อผ้าบนตัวให้เขาแล้วโน้มน้าวอย่างหวังดี ‘สวีซู่ คืนนี้นายยังจะไปที่ไหนอีกเหรอ ดึกแล้วนะ นายก็รีบกลับบ้านเถอะ ลุงสวีเป็นห่วงนายมาก นายจะเหลวไหลอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ นายควรจะกลับไปโรงเรียน เรียนหนังสือให้ดีก่อน…’
‘จ้าวหนานเซียว ทำไมเธอไม่ไปเป็น ผอ. การศึกษาล่ะ บ่นได้ทั้งวันไม่ยอมจบสิ้นอย่างกับยายแก่ เธอน่ารำคาญมากเลยนะรู้ไหม รีบกลับบ้านเธอไป!’
สวีซู่หมดความอดทน ตัดบทคำพูดของเธอแล้วหันหน้าไปบิดคันเร่ง ทิ้งเธอไว้แล้วขี่มอเตอร์ไซค์จากไป
จ้าวหนานเซียวมองดูเขาบิดคันเร่งเสียงดังจากไปไกลพลางนวดหน้าอกตนเอง นั่งอัดอั้นอยู่คนเดียวบนม้านั่งรอรถเมล์เที่ยวสุดท้าย เวลานี้ที่ป้ายรถเมล์มีกลุ่มคนสองสามคนที่ดูเหมือนดื่มเหล้ากลับมาจากแผงอาหารกลางคืนบริเวณใกล้เคียงเดินโซเซเข้ามา ดูแล้วเหมือนจะเป็นนักเลง อายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี เข้ามาชวนคุย
‘น้องสาว หน้าตาสวยนี่ มาคนเดียวเหรอ ไป พี่จะพาเธอไปคาราโอเกะ…’
จ้าวหนานเซียวรู้สึกหวาดกลัว รีบลุกขึ้นแล้วเดินหนี
นักเลงกลุ่มนั้นหัวเราะเสียงดังแล้วเดินตามมา คนหนึ่งยื่นมือมาคว้าเธอไว้ ‘ไม่ต้องกลัว พี่เป็นคนดี แค่ไปร้องเพลง…’
จ้าวหนานเซียวก้าวขาออกวิ่ง
‘น้องสาววิ่งหนีทำไม หยุดนะ!’
ด้านหลังมีเสียงไล่ตามมาดังตุ้บตั้บๆ จ้าวหนานเซียวยิ่งหวาดกลัว ตะโกนขอความช่วยเหลือดังๆ เสียงหัวเราะของพวกนักเลงยิ่งดังขึ้น
ในเวลานี้เองเธอก็ได้ยินเสียงคำรามจากเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ดังมาจากข้างหลัง
เธอหันไปก็เห็นสวีซู่ที่จากไปแล้วย้อนกลับมา
‘สวีซู่! ฉันอยู่ตรงนี้…’
เธอดีใจอย่างยิ่ง ร้องเรียกเขา ครู่ถัดมาก็ตกตะลึงจังงัง
เธอเห็นสวีซู่ทิ้งรถมอเตอร์ไซค์และหมวกกันน็อก ก้มตัวเก็บก้อนอิฐขึ้นมาจากบนพื้นด้วยสีหน้าถมึงทึง เดินไปทางกลุ่มนักเลงสองสามคนที่เมื่อเห็นสถานการณ์แล้วก็หันมาล้อมเขา พอเผชิญหน้ากันแล้วอิฐก้อนหนึ่งก็ฟาดเข้าใส่หัวของคนที่อยู่ข้างหน้าสุด คนคนนั้นตัวแข็งทื่อล้มลงไปกองกับพื้นตรงนั้นแล้วสลบไสลไป
ผลของเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งนี้ก็คือการที่คนทั้งหมดถูกรถตำรวจลาดตระเวนที่ผ่านมาพอดีพาตัวไป
ตำรวจสอบปากคำจ้าวหนานเซียว ให้เธอจดบันทึกแจ้งความ ลงชื่อแล้วจากไป
จ้าวหนานเซียวเซ็นชื่อด้วยมืออันสั่นเทาแล้วถามถึงสวีซู่
‘ปล่อยเขาไปไม่ได้! สามคนนั้นถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาล ลงมือขนาดนั้น มากพอที่จะเข้าคุกเยาวชนนะ สาวน้อย โทรศัพท์ให้คนที่บ้านมารับ แล้วตัวเองก็กลับไปซะ!’
จ้าวหนานเซียวนั่งอยู่ในโถงใหญ่ของโรงพักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นระริก โทรศัพท์หาลุงสวี
สวีเจิ้นจงไม่อยู่ในปักกิ่ง พอได้ฟังแล้วก็ปลอบโยนไม่หยุด บอกเธอว่าไม่ต้องกลัว ให้รออยู่ที่นั่น
จ้าวหนานเซียวทางหนึ่งเช็ดน้ำตา ทางหนึ่งก็รอ ยี่สิบกว่านาทีให้หลังเพื่อนคนหนึ่งของลุงสวีก็มารับเธอไป ส่งเธอกลับถึงบ้านของคุณตา
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 ธ.ค. 64 เวลา 12.00 น.