บทที่ 9
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ในเย็นวันศุกร์ จ้าวหนานเซียวเลิกเรียนกลับบ้านคุณตา เห็นลุงสวีมาหา คุณตาพูดคุยกับเขาอยู่ในห้องรับแขก
‘เสี่ยวหนาน ลุงสวีมาหาหนูเป็นพิเศษเลย ตาบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้’ คุณตาพูดอย่างยิ้มแย้ม
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่สองหลังจากเกิดเรื่อง ผู้ช่วยที่แซ่ต้วนคนนั้นส่งตะกร้าผลไม้ขนาดใหญ่มาให้เธอ แล้วยังมีถุงใส่กระเป๋าหลุยส์ วิตตองที่ประดับตกแต่งด้วยริบบิ้นสวยงาม ด้านในมีกระเป๋าสีชมพูใบหนึ่ง ผู้ช่วยบอกว่าประธานสวีเป็นห่วงเธอมากแต่ยังกลับมาไม่ได้ จึงให้เขามาเยี่ยมเธอก่อน คุณตารับตะกร้าให้เธอ แต่ให้ผู้ช่วยนำกระเป๋ากลับไป
วันนี้เมื่อเธอเข้าไปในห้องรับแขก สีหน้าของลุงสวีทั้งเป็นห่วงเป็นใยและรู้สึกผิด
‘เสี่ยวหนาน ลุงรู้สึกผิดต่อหนูมาก ก่อนหน้านี้สวีซู่สร้างปัญหาให้หนูมากมายขนาดนั้นก็แล้วไป นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้เขายังทำให้หนูต้องตกใจกลัวมากขนาดนี้ ตอนแรกลุงอยากจะมาหาหนูตั้งแต่สองวันก่อน แต่หาเวลาว่างไม่ได้เลย หนูคงตกใจแย่สินะ’
จ้าวหนานเซียวในตอนนั้นหวาดหวั่นต่อการที่สวีซู่ทุ่มเรี่ยวแรงถือก้อนอิฐฟาดหัวคนโดยตรงจริงๆ ฟาดทีก็มีเลือดออก เย็นวันนั้นจนถึงตอนที่กลับบ้าน ขาสองข้างยังคงสั่นระริก แต่ไม่กี่วันมานี้ที่เธอเป็นห่วงยิ่งกว่าก็คือเด็กหนุ่มที่หลังจากฟาดนักเลงสามคนล้มลงแล้วตนเองก็มีเลือดออกท่วมครึ่งใบหน้า เธอรีบส่ายศีรษะ
‘ขอบคุณลุงสวีที่เป็นห่วง หนูสบายดีค่ะ สวีซู่เขาออกมาแล้วใช่ไหมคะ ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง’
พอพูดถึงลูกชาย สีหน้าของลุงสวีก็เปลี่ยนไป ดูออกเลยว่าเขากำลังข่มอารมณ์สุดความสามารถ แต่ก็ยังคงซ่อนโทสะไว้ไม่อยู่
‘เด็กเหลวไหลคนนี้ไม่ไปโรงเรียนก็แล้วไป ยังจะปิดบังลุงไปแข่งรถอีก! แถมยังตีคนจนกลายเป็นแบบนี้! เสี่ยวหนานต่อจากนี้หนูไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้ว ให้เขาทำเองรับผลเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปลุงก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปเรียนหนังสือแล้ว ทิ้งเขาไว้ในป่าทางภาคตะวันออกไปเลย ให้เขาแบกไม้ขุดภูเขาทำถนนเอา!’
จ้าวหนานเซียวกังวล ‘ลุงสวี เป็นสามคนนั้นที่ไล่ตามหนูก่อน พวกเขาไม่ใช่คนดี! สวีซู่เขาทำเพราะช่วยหนู! เขาคนเดียวสู้สามคน ถ้าหากไม่รีบล้มพวกเขาให้ได้ก่อน เขาก็จะมีอันตราย! เย็นวันนั้นหนูก็พูดอย่างนี้กับตำรวจค่ะ! ลุงสวีต้องช่วยเขานะคะ! หนูเป็นพยานให้เขาได้ จะไปที่ไหนก็ได้ค่ะ!’
‘เสี่ยวหนาน หนูกลัวขนาดนี้แล้วยังจะพูดแทนเขาอีก! หนูไม่ต้องห่วง เขาออกมาแล้ว’ ลุงสวีรีบปลอบโยนเธอ ‘ลุงแค่ตั้งใจให้เขาอยู่ในบ้านสักหลายๆ วัน ทบทวนตัวเองหน่อย! ออกมาตอนนี้ก็จะถูกลุงเฆี่ยนแรงๆ สักยก กักไว้ในบ้านให้คนเฝ้า ไม่ให้เขาออกมาแม้แต่ครึ่งก้าว กันไม่ให้ไปก่อเรื่องอีก!’
จ้าวหนานเซียวถอนใจโล่งอกในที่สุด
ลุงสวีขมวดคิ้วมุ่น ทอดถอนใจ แล้วพูดกับคุณตาของจ้าวหนานเซียว
‘สวีซู่มีนิสัยหัวดื้อมาตั้งแต่เล็ก เดี๋ยวนี้ยิ่งหัวดื้อเข้าไปใหญ่! เป็นความรับผิดชอบของผม ดูแต่งานไม่ได้ดูแลครอบครัวให้ดี ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเขา ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่! อาจารย์ ถ้าสวีซู่รู้ประสาได้สักครึ่งหนึ่งของเสี่ยวหนานล่ะก็ ผมก็เบาใจแล้ว’
คุณตายิ้มบางๆ ‘เจิ้นจง หลายวันมานี้เสี่ยวหนานอยู่ต่อหน้าผมก็พูดถึงลูกชายคุณตลอด พูดจนผมชักอยากเจอเด็กคนนี้แล้วสิ เด็กก็โตแล้ว ทำความผิดจำเป็นต้องลงโทษ เป็นเรื่องที่สมควร แต่กักตัวไว้แบบนี้ไม่ใช่แผนในระยะยาวนะ อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของเสี่ยวหนานแล้ว ผมยินดีต้อนรับเขามาที่นี่ มาฉลองวันเกิดด้วยกันกับเสี่ยวหนาน ให้เขาออกมาสูดอากาศสักหน่อยเป็นไง’
ลุงสวีจำต้องพยักหน้า ‘ดีๆ ในเมื่ออาจารย์ว่าอย่างนี้ ผมต้องทำตามที่คุณว่าอยู่แล้ว! ถ้าคุณไม่รังเกียจเขา กลับไปแล้วผมจะบอกให้เขาเตรียมตัว ต้องมาได้แน่!’
เมื่อส่งลุงสวีไปแล้ว คุณตาก็พูดว่า ‘เสี่ยวหนาน ถึงตาจะไม่เคยเจอสวีซู่มาก่อน แต่ฟังจากที่หนูกับลุงสวีพูด เด็กคนนี้คงจะนิสัยดื้อแพ่ง ตาเดาว่าให้ลุงสวีไปบอก เขาคงจะไม่ยอมมา ในเมื่อจะเชิญแขก ต้องมีความจริงใจ อีกอย่างเขาก่อเรื่องเพราะว่าช่วยหนู หนูควรไปหาเขาสักหน่อย เชิญเขามาเป็นแขกด้วยตัวเอง หนูว่ายังไง’
จ้าวหนานเซียวรีบพูดทันที ‘ได้ค่ะ! พรุ่งนี้หนูจะไป!’