วันต่อมาเป็นวันเสาร์ จ้าวหนานเซียวถือผลไม้ไปหาบ้านสกุลสวีตามที่อยู่ ลุงสวีไม่อยู่ คนที่เปิดประตูเป็นแม่บ้าน ในห้องรับแขกชั้นล่างยังมียามที่เป็นตำรวจพิเศษปลดเกษียณที่ลุงสวีเชิญมาให้เฝ้าดูสวีซู่โดยเฉพาะนั่งอยู่
พอได้ยินจ้าวหนานเซียวแนะนำตัวเอง แม่บ้านก็ร้อง ‘อ๋อ’ คำหนึ่ง ‘หนูคือเพื่อนที่จะจัดงานวันเกิดคนนั้นใช่ไหม’
จากคำบอกเล่าของแม่บ้าน เมื่อคืนหลังจากที่ลุงสวีกลับมาก็บอกให้สวีซู่ไปอวยพรวันเกิดเธอ แล้วยังบอกอีกว่าตนจะเตรียมของขวัญวันเกิดไว้ให้ นึกไม่ถึงว่าสวีซู่จะบอกว่าไม่ไปตอนนั้นเลย
‘ประธานสวีโกรธใหญ่เลยค่ะ จะตีเขาอีกแล้ว เขาก็ไม่หลบนะคะ ประธานสวีลงมือหนักมาก ดิฉันตกใจแทบแย่ แยกเขาออกสุดแรงเกิด ไม่กี่วันมานี้ประธานสวียังเรียกให้คนมาติดกรงเหล็กที่หน้าต่าง ไม่ให้เขาออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ตอนนี้เขาอยู่ในห้องข้างบนค่ะ คุณหนูไปเกลี้ยกล่อมเขาก็ดี ดิฉันทำงานที่นี่ อกสั่นขวัญแขวนมาทั้งวันแล้ว…’
แม่บ้านถอนหายใจดังเฮือก
จ้าวหนานเซียวกล่าวขอบคุณคำหนึ่ง หาห้องเจอก็เคาะประตู ผ่านไปนานมากแล้วยังไม่มีการตอบสนอง พอทดสอบดูก็รู้สึกว่าประตูไม่ได้ล็อก จึงเปิดประตูออกเบาๆ มองเข้าไปข้างใน
ห้องใหญ่มาก เป็นอย่างที่แม่บ้านพูดไว้จริงๆ ว่ามีกรงเหล็กกั้นหน้าต่างอยู่ น่าจะเป็นเพราะว่าเขาเพิ่งกลับประเทศมาได้ไม่นาน สิ่งของจึงมีไม่มาก ออกจะดูโล่งไปหน่อย คอมพิวเตอร์กำลังเปิดค้างอยู่ที่หน้าอินเตอร์เฟซของเกมเวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ แต่เขาไม่ได้กำลังเล่นเกม จ้าวหนานเซียวเห็นเขานอนคว่ำอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ผมสีทองทั่วหัวยุ่งเหยิงเปะปะ สีหน้าซีดขาวไปบ้าง หน้าผากส่วนที่ได้รับบาดเจ็บถอดผ้าพันแผลออกแล้ว แต่ยังไม่ได้ดึงด้ายออก รอยเย็บสีดำยาวเหยียดนั้นดูแล้วน่ากลัวราวกับตะขาบ
จ้าวหนานเซียวลังเลเล็กน้อย ขณะที่กำลังคิดว่าจะปลุกเขาหรือว่าปล่อยให้เขานอนต่อ พลันเห็นขนตาเขากระพือปริบ ลืมตาขึ้นช้าๆ
‘สวีซู่ ตื่นแล้วเหรอ ขอโทษทีที่กวนนายตื่น’ จ้าวหนานเซียวรีบเอ่ย
ในดวงตาเด็กหนุ่มมีรอยเส้นเลือด เขาลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างเกียจคร้าน ‘เธอมาทำอะไรอีก’
‘ฉันมาหานาย’ จ้าวหนานเซียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เดินเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่าย สายตาตกอยู่ที่หน้าผากของเขา
‘ขอโทษด้วย วันนั้นฉันไม่ดีเอง ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน นายก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ แผลนายเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม…’
เขาหันหน้าหนีแล้วลุกขึ้นยืน
‘ไม่ตายหรอก เลิกพูดเรื่องพวกนี้เถอะ ดูเสร็จแล้วก็กลับไปซะ!’
สวีซู่ยื่นเท้าออกมา มีเสียงดังวืด เขาเกี่ยวเก้าอี้เข้ามาหาแล้วขึ้นไปนั่ง ก่อนจะไถลไปที่หน้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เล่นเกม
จ้าวหนานเซียวยืนอยู่ข้างหลังเขา ชะงักไปครู่หนึ่ง ‘ที่ฉันมานี่ยังมีอีกเรื่อง มะรืนนี้เป็นวันเกิดของฉัน มีแค่ฉันกับคุณตาของฉันสองคน ถ้านายมาด้วย ฉันจะดีใจมาก’
สายตาของเขาจ้องที่หน้าจอ ยังเล่นเกมอย่างใจจดใจจ่อต่อไป
‘สวีซู่ นายจะมาไหม…’
เวลานี้มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของเธอก็ดังขึ้น
จ้าวหนานเซียวรีบพูดว่า ‘ขอโทษนะ’ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู รับสายแล้วเดินไปที่ประตู
‘พี่จือโจว! พี่ไม่ได้กำลังแข่งอยู่เหรอ มีเรื่องอะไรคะ’