ทดลองอ่าน Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ บทที่ 1 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ

ทดลองอ่าน Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ บทที่ 1

(2)

ซังอู๋เยียนมักจะเหลือบมองคำว่า ‘อีจิน’ สองพยางค์ที่ค่อนข้างคุ้นตา แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนกันแน่ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เข้านอน

น่าเสียดายที่เพิ่งจะเช้ามืด ซังอู๋เยียนก็ถูกไก่ตัวผู้ที่หญิงชราชั้นสามเลี้ยงเอาไว้ปลุกจนตื่น ทรมาทรกรรมมาหลายวันแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรหญิงชราจะเอาไก่ตัวนั้นมาตุ๋นกินเสียที

ซังอู๋เยียนคลุมโปงแล้วนอนต่อ น่าเสียดายที่เหมือนว่าไก่ตัวนั้นจะกินยากระตุ้นประสาทเข้าไป มันจึงโก่งคอขันเสียงดัง และหลังจากนั้นมือถือก็ดังขึ้น

ซังอู๋เยียนเห็นสายเข้าปรากฏเป็นชื่อเว่ยเฮ่า หัวใจก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น ไม่รู้ว่าจะรับสายหรือว่าไม่รับสายดี

เธอไม่กล้ากดรับ เสียงเรียกเข้าจึงดังวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น ผ่านไปเนิ่นนานถึงได้เงียบไป

เธอยังไม่ทันผ่อนลมหายใจ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ยังคงเป็นเว่ยเฮ่าเหมือนเดิม

“นายคนนี้ก็จริงๆ เลยนะ ไม่รู้หรือไงว่ารุ่งเช้าคนอื่นเขาหลับเขานอนกันอยู่” เฉิงอินกล่าว

“ก็ใช่น่ะสิ” เธอขมวดคิ้ว

“รับสายเถอะ ยังไงเขาก็กินเธอไม่ได้สักหน่อย”

“เรื่องอะไรล่ะ!” ซังอู๋เยียนกล่าวพลางเอามือถือซุกไว้ในผ้าห่มด้วยความตึงเครียด

สายหลุดไปอีกครั้ง แล้วก็ดังขึ้นอีก

ซังอู๋เยียนเลยวางหมอนทับลงไปอีกชั้นเพื่อทับมือถือไว้ ผ่านไปนานสองนานเสียงเรียกเข้าจึงหยุดลง

แต่ว่ารุ่งเช้าดีๆ ที่ไม่มีคาบเรียนและนอนได้จนตะวันสายโด่งก็ถูกทำลายลงเสียอย่างนั้น

ซังอู๋เยียนลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าอย่างซังกะตาย เหม่อลอยอยู่ในห้องสักครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจออกจากบ้านไปยังถนนเสี่ยวซีเพื่อกินเสี่ยวหลงเปาที่เธออยากกินมานาน

เช้าตรู่อย่างนี้ นอกจากนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่รีบร้อนเดินไปเรียนด้วยตนเอง บนถนนหนทางก็แทบไม่มีคนเลย ร้านค้าส่วนใหญ่ก็ยังไม่เปิดหน้าร้าน

รถฉีดถนนแล่นไปอย่างเชื่องช้าพลางเปิดเพลงไปตามทาง

ซังอู๋เยียนเดินไปตามทางพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆ ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทีเดียว ก่อนหน้านี้ที่ตื่นเช้าหากไม่ใช่เพื่อจะรีบไปสถานีก็เพื่อกลับไปยังมหาวิทยาลัย นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกสบายอกสบายใจอย่างนี้

ฉะนั้นเธอจึงกินจนแน่นท้องแล้วเดินออกมาจากร้านซาลาเปา เดินต่อไปก็เลี้ยวเข้าสวนสาธารณะ

ในสวนสาธารณะกลับคึกคักกว่ามาก บางคนก็เต้นแอโรบิก บางคนก็กำลังวิ่ง

ที่ริมทะเลสาบมีเด็กน้อยตัวอ้วนกลมเรียนไทเก๊กอยู่กับผู้สูงอายุอย่างเอาจริงเอาจัง เธอเห็นท่าทีเงอะงะน่าเอ็นดูของเด็กน้อยคนนั้นก็รู้สึกสุขใจเลยนั่งลงที่เก้าอี้ข้างทาง

 

อาจเป็นเพราะว่าวันนี้อากาศดี แม้ว่าจะเพิ่งปลายเดือนกันยายน แต่ว่าอากาศร้อนก็ลดอุณหภูมิลงแล้ว เธอนั่งอยู่อย่างนั้นบนเก้าอี้กลางแจ้ง สายลมอ่อนพัดช้าๆ สบายใจและสดชื่น จนกระทั่งรู้สึกว่าอากาศค่อนข้างหนาวเย็น

สีของท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆ สว่างขึ้น ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นค่อยๆ ลอดผ่านชั้นเมฆ

เก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ ตอนที่ซังอู๋เยียนเพิ่งจะมาถึง ชายหนุ่มก็นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาหันหน้าไปทางทะเลสาบอยู่คนเดียว หลับตาทั้งสองข้างลงเงียบๆ รูปลักษณ์ของคนคนนั้นทำให้ซังอู๋เยียนรู้สึกดีเอามากๆ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะแอบดูใบหน้าด้านข้างของเขาให้มากขึ้นสักสองหน

ริมฝีปากของเขาซีดเซียว บางและเม้มแน่น ใบหน้าไร้อารมณ์แลดูค่อนข้างเฉยเมย

เพราะว่าเขาหลับตาอยู่ ซังอู๋เยียนจึงอาจหาญปลุกความกล้าขึ้นจ้องมองเขาให้นานอีกหน่อย เธอสายตาดีมากมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้ห่างกันหลายเมตรก็สามารถสังเกตเห็นได้ว่าขนตาของเขาดำขลับและหนาทึบ บนล่างประกบเข้าด้วยกันราวกับพัดอันเล็กๆ

แต่เพราะว่าเขาหลับตาอยู่ ก็เลยไม่เห็นดวงตา

ซังอู๋เยียนเชื่อมาโดยตลอดว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ การมีดวงตาที่งดงามคู่หนึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สาวงามจะต้องมีพร้อม เพราะฉะนั้นสำหรับการประเมิน ‘คนหล่อเหนือใคร’ สี่คำนี้ เธอจะเก็บคำว่า ‘เหนือใคร’ สองคำนี้เอาไว้ รอให้เห็นภาพรวมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ

บริเวณใกล้ๆ มีคนเฒ่าคนแก่หลายคนกำลังฝึกออกเสียง และมีคนที่ตะโกนเข้าหาทะเลสาบ ว่ากันว่าทำอย่างนี้แล้วจะสามารถขับไล่พิษออกจากช่องอกได้ ทำให้เจริญอาหาร ช่วยปรับอารมณ์ และทำให้อายุยืนยาว

ซังอู๋เยียนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาจึงนึกอยากจะฮัมเพลง ก็เลยเลียนแบบพวกเขา เธอลุกขึ้น สองมือเท้าเอว หันหน้าไปยัง ‘ผืนน้ำอันกว้างใหญ่’ ร้องเพลงออกมาด้วยเสียงสูง

“ขวาสามรอบ ซ้ายสามรอบ หมุนๆ ก้น หมุนๆ คอ นอนเร็วตื่นเช้าพวกเรามาออกกำลังกาย สะบัดมือ สะบัดเท้า หมั่นหายใจเข้าลึกๆ กระโดดโลดเต้นตามคุณปู่ ฉันก็จะไม่แก่…”

เมื่อเปล่งเสียงร้องดังลั่น ‘คุณปู่’ ที่กำลังทำแอโรบิกยามเช้าอยู่ด้านข้าง เมื่อถูกเธอนำมาร้องเป็นเพลงอย่างนี้ก็ขัดเขินไม่กล้าหมุนเอวหมุนก้นต่ออีก หยุดเคลื่อนไหวลงช้าๆ

เอ่อ ดูเหมือนว่าจะติงต๊องไปหน่อยสินะ เธอใคร่ครวญแล้วเปลี่ยนไปเป็นอีกเพลง

“ธงแดงห้าดาวโต้ลมโบกสะบัด ติ๊งๆ เสียงเพลงต่องๆๆ เพลงร้องว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปประเทศอันเป็นที่รักของเราจะเดินไปติ๊งๆๆๆๆ…”

เมื่อร้องเพลง ‘สรรเสริญประเทศชาติ’ ออกมาได้ท่อนหนึ่ง คุณป้าที่วิ่งถอยหลังเหยาะๆ อยู่ด้านข้างก็ตกใจ ขาสะดุดกันจนเกือบล้มลง

แต่ว่าที่คุ้มค่าแก่การยินดีก็คือเมื่อสักครู่นี้ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นนอกจากจะตะแคงหูฟังตอนที่เธอร้องประโยคแรกแล้ว หลังจากนั้นก็นิ่งเงียบ

เวลาซังอู๋เยียนร้องเพลงไม่เคยจำเนื้อเพลงมาก่อน พอเจอส่วนที่ร้องไม่เป็นก็ฮึมฮัมไปตามเรื่องตามราวหรือไม่ก็ใส่ประโยคมั่วซั่วที่ไม่ได้สอดคล้องกันเข้าไปเองนิดๆ หน่อยๆ

เห็นได้ชัดว่า ‘ติ๊งๆ’ กับ ‘ต่องๆ’ หลังธงแดงห้าดาว ล้วนเป็นการออกเสียงแทนเนื้อเพลงที่เธอไม่รู้

อีกทั้งทุกคราวที่ร้องคาราโอเกะ เธอหยิบไมโครโฟนขึ้นมาอ้าปากร้องได้ไม่เกินสามประโยคก็จะถูกทุกคนทุบตีให้วางไมค์

เฉิงอินส่ายหน้าพลางถอนหายใจอยู่บ่อยๆ ‘พวกเราคิดไม่ออกเลย ยังไงเธอก็เป็นถึงผู้ประกาศของสถานีที่แม้จะไม่เคยออกอากาศด้วยเสียงหวานๆ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย แต่ว่าพอร้องเพลงออกมาทำไมถึงได้น่าเวทนาแบบนี้ล่ะ’

ช่างเถอะๆ…ซังอู๋เยียนหุบปาก ส่ายหน้าไปมา

ที่นี่มีคนเฒ่าคนแก่อยู่เยอะ อย่างไรก็อย่าร้องเพลงยอดนิยมที่ทำให้หวนคิดถึงอดีตเลยจะดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเธอทำให้ภาพลักษณ์อันรุ่งโรจน์ของประเทศชาติอันยิ่งใหญ่ต้องแปดเปื้อน

ซังอู๋เยียนคิดอยู่เงียบๆ ในใจ เตรียมตัวร้องเพลงที่คนทุกชนชั้นซาบซึ้ง

ตอนนั้นเองจู่ๆ เธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตัวเองศรัทธาในเพลง ‘ท้องนภาสีคราม’ ของสวีกวนกัว เพลงนี้มีชื่อเสียงมากทีเดียว แล้วก็ค่อนข้างเข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอครุ่นคิดเนื้อเพลงอยู่ในสมอง แล้วเปิดปากร้องขึ้นอีกครั้ง

 

สายลมรุ่งอรุณบางเบาพัดผ่าน

พัดกลิ่นหอมจากเรือนผมเธอ

ทำให้ฉันไขว่คว้าอยู่ท่ามกลางสายลมยามเช้า

กลิ่นของเธอ

ฉวยโอกาสที่ยังไม่ฟ้าสาง

ฉวยโอกาสที่เธอยังไม่รู้ความลับนี้

ฉันอยู่ภายใต้แสงสว่างสีครามของท้องนภา

 

เพราะว่าชื่นชอบ ดังนั้นเพลงนี้จึงถูกร้องอยู่นับครั้งไม่ถ้วนในบ้านของเธอ อย่างน้อยๆ ก็จำเนื้อเพลงได้ท่อนหนึ่ง

ซังอู๋เยียนเคลิบเคลิ้มอยู่กับความพึงพอใจของตัวเองอยู่สักครู่

คราวนี้คนที่สะดุดเท้าไม่เยอะเหมือนคราวก่อนแล้ว ถือว่ามีพัฒนาการที่ดี

ทว่าชายหนุ่มอีกฝั่งหนึ่งที่ห่างออกไปสิบเมตรกลับหันหน้ามาเพราะเสียงเพลงของซังอู๋เยียน สีหน้าที่เดิมทีดูอบอุ่น จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา

เขาหันหน้ามาพลางลืมตาทั้งสองข้าง จนกระทั่งดวงตาคู่นั้นปรากฏให้เห็นช้าๆ ซังอู๋เยียนก็ถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ

เขามีดวงตาที่สวยมากๆ

ดวงตาคู่นั้นมีขนตาหนาทึบ เข้มราวกับทาสี

 

หลังจากนั้นมีครั้งหนึ่งที่ซังอู๋เยียนถามเขาว่า ‘คุณรู้รึเปล่าว่าครั้งแรกที่ฉันเห็นดวงตาของคุณ ฉันนึกถึงอะไร’

เขาไม่แน่ใจ

เธอยิ้มพลางเอ่ย ‘นึกถึงลูกแก้วสีดำที่แช่อยู่ในน้ำน่ะสิ’

ความจริงแล้ว จะว่าไปเวลานี้อารมณ์ของชายหนุ่มก็ค่อนข้างแปลกประหลาด หรือไม่สู้บอกว่าไม่สบอารมณ์สุดขีดเลยจะดีกว่า

ซังอู๋เยียนกลัดกลุ้ม ฉันร้องเพลงของสวีกวนกัว แล้วเขาจะไม่สบอารมณ์ไปทำไม หรือว่าเขาเป็นแฟนคลับผู้บ้าคลั่งของสวีกวนกัวกันนะ เวลานั้นสมองน้อยๆ ของซังอู๋เยียนก็มีข่าวฉาวของแฟนเพลงที่ติดตามศิลปินอย่างเอาเป็นเอาตายมากมายผุดขึ้นมาไม่หยุด

ฉะนั้นขณะที่ดวงตาที่ไร้เปลือกห่อหุ้มยังไม่ทันได้ตกกระทบลงที่ตัวของเธอ ซังอู๋เยียนก็หยุดร้องทันควัน หยิบกระเป๋าแล้วรีบร้อนเดินจากไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com