Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ
ทดลองอ่าน Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ บทที่ 1
(4)
เมื่อกลับมาถึงห้อง ซังอู๋เยียนก็ปีนขึ้นเตียงด้วยความกลัดกลุ้ม
ภายในห้องเงียบสงัด เจ้าของห้องไม่ได้ติดทีวีให้ เธอเองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อ ดังนั้นความบันเทิงเดียวของการกลับห้องก็คืออ่านหนังสือ เปิดเพลง ฟังวิทยุ
ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายเป็นต้นมาเธอก็เริ่มเป็นผู้จัดรายการอยู่ที่สถานีวิทยุ ชอบเก็บสะสมเพลงเพราะๆ หลากหลายแนว ทั้งเพลงยอดนิยม เพลงโบราณ เพลงร็อก…เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ย้ายบ้านก็จะมีซีดีมากกว่าเสื้อผ้าเยอะมาก จนสามารถใส่กล่องใหญ่ๆ ได้เลย
แต่ว่าเวลานี้เพลงอะไรเธอก็ฟังไม่เพราะเลยสักเพลง
“ทำไมถึงไม่บอกเขาให้ชัดเจนล่ะ” เฉิงอินเอ่ยถาม
“เธอว่าจำเป็นเหรอ”
คืนวันเสาร์ซังอู๋เยียนโทรรายงานคนที่บ้านถึงสถานการณ์ในอาทิตย์นี้
“พ่อคะ หนูอยากกินบัวลอย” ซังอู๋เยียนออดอ้อนกับโทรศัพท์
“ได้ๆๆ แล้วเงินพอใช้รึเปล่าล่ะ พรุ่งนี้ให้พ่อฝากเงินเพิ่มให้ลูกไปซื้อบัวลอยน้ำขิงกินไหม” คุณพ่อซังเอ่ยปาก
ขณะเดียวกันคุณแม่ซังก็กำลังบ่นอยู่ข้างๆ “ค่าใช้จ่ายของทุกๆ เดือนที่เธอใช้อยู่ก็มากกว่าเสี่ยวฉยงที่อยู่ข้างบ้านตั้งเท่าไหร่ คุณยังกลัวว่าลูกจะไม่มีเงินซื้อบัวลอยน้ำขิงกินอีกเหรอคะ”
“แต่ว่าหนูอยากกินไส้งาที่พ่อทำเองนี่นา” ซังอู๋เยียนไม่ได้สนใจคุณแม่ซัง ยังคงออดอ้อนต่อไป
“เดี๋ยวพ่อจะทำให้พรุ่งนี้นะ อาทิตย์หน้าลุงอวี๋จะไปประชุมที่เมือง A ให้เขาเอาไส้ไปให้ลูกก็ได้ แต่ว่าลูกต้องเอาไปห่อเองนะ”
“ไม่เอาค่ะ หนูอยากกินฝีมือพ่อ หนูคิดถึงพ่อ แล้วก็คิดถึงบ้านด้วย”
“ถ้างั้น…” คุณพ่อซังลำบากใจ “เยียนเยียน งั้นอาทิตย์หน้าลูกกลับมาดีกว่ามั้ง”
“แล้วคาบเรียนล่ะคะ”
“ไม่ต้องเข้าเรียน พวกเราลาหยุดกัน”
“ไร้สาระ!” คุณแม่ซังแย่งโทรศัพท์ไปทันที “อู๋เยียน ลูกกับพ่อของลูกอย่าได้เออออกันให้มากนัก พ่อโอ๋ลูกจนไร้เหตุผลไปหมดแล้ว ตัวเองก็เป็นครูบาอาจารย์ ไม่รู้ว่าสั่งสอนนักเรียนได้ยังไง”
ซังอู๋เยียนหัวเราะหึๆ
คุณแม่ซังกล่าวต่อไป “อู๋เยียน เดือนหน้าก็จะรายงานตัวนักศึกษาปริญญาโทแล้วนะ ลูกก็คิดให้ดีๆ ว่าจะสอบเข้าปริญญาโทหรือว่าจะเข้าสู่สังคมการทำงาน อีกอย่างอย่าได้ฝากความหวังเอาไว้ที่พ่อของลูกล่ะ ลูกสาวของศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย M เรียนหนังสือเกิดมีนอกมีในขึ้นมา ใครๆ นินทาจะขายขี้หน้าขนาดไหนกัน!”
“ค่ะ” เมื่อคุณแม่ซังพูดถึงเหตุผลขึ้นมา ซังอู๋เยียนก็ทำได้แต่เพียงพยักหน้าคล้อยตามเท่านั้น
บ้านอื่นเขามีแต่พ่อดุแม่ใจดี แต่ว่าบ้านของเธอกลับมีแม่ดุพ่อใจดีไปเสียได้
“ที่แม่พูดน่ะจำได้หรือเปล่า” คุณแม่ซังเอ่ยถาม
“จำได้ค่ะ”
“อาทิตย์ก่อนเว่ยเฮ่าโทรมาที่บ้านเพื่อถามเบอร์มือถือลูก ดูท่าทางร้อนใจ แม่เห็นแล้วก็ยังกลุ้มใจไปด้วย ถ้าลูกไม่ยินดีจะคบหากับเขาจริงๆ ก็คุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นต่อไปพ่อของลูกกับลุงเว่ยจะคบหากันยังไงล่ะ”
คบหาไม่คบหาอะไรกัน แม่ของเธอช่างพูดจาตรงไปตรงมาเสียเหลือเกิน
ระหว่างเธอกับเว่ยเฮ่าน่ะไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
อากาศค่อยๆ เย็นขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้คาบเรียนที่มหาวิทยาลัยมีไม่มาก ทุกๆ วันซังอู๋เยียนจะไปจองที่ที่ห้องสมุด ทบทวน อ่านหนังสือ ทำข้อสอบ แต่ว่านอกจากเรียนพิเศษสองวิชาตอนเสาร์อาทิตย์ เวลาที่เหลือทั้งหมดก็ใช้ไปกับที่สถานีวิทยุ
ความจริงแล้ว การสอบเข้าปริญญาโทไม่ใช่เรื่องยากมากนักสำหรับเธอ
หากใช้คำพูดของเฉิงอินก็คือ ‘อย่าได้มองว่าปกติเธองกๆ เงิ่นๆ หรือว่าสมองช้า เรื่องเรียนเธอก็ไม่ได้โง่อะไร’
‘เธอใช้คำว่าไม่ได้โง่มานิยามทุนอันดับหนึ่งของฉันซะแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเธอก็จัดอยู่ในประเภทไม่ค่อยโง่เท่าไหร่สินะ’ ซังอู๋เยียนตอบโต้
ที่สถานีปรับเปลี่ยนบางรายการไปบ้าง เดิมทีตารางรายการเพลงฮิตออกอากาศประจำตอนหกโมงวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่เพราะอัตราของผู้ฟังกับความนิยมของเนี่ยซีพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจึงได้ทำการปรับเปลี่ยนรายการใหม่
เนี่ยซีเป็นคนจัดรายการทางด้านนี้มาตลอด จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับวงการนี้ บวกกับมีคอนเน็กชั่นอยู่บ้าง จึงสามารถเชิญเบอร์ใหญ่ๆ ที่คนอื่นเชิญไม่ได้มาสัมภาษณ์ที่สถานีได้เป็นครั้งคราว
อย่างเช่นวันนี้ คนที่มารายการคือสวีกวนกัว ไอดอลของซังอู๋เยียน
สวีกวนกัวเป็นศิลปินมาหลายปีซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้าง แต่ว่าตั้งแต่อัลบั้มเพลง ‘ท้องนภาสีคราม’ เมื่อไม่กี่ปีก่อนเริ่มได้รับความนิยมจากผู้คนอีกครั้ง เขาจึงคัมแบ็กกลับมาอย่างยิ่งใหญ่
“เพลงเพลงหนึ่งนำพาความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาให้ คุณคิดว่าความสำเร็จนี้หลักๆ แล้วมาจากสาเหตุอะไรคะ เป็นการดำเนินการทางธุรกิจ หรือว่าเป็นการยกระดับของตัวคุณเอง” เนี่ยซีพูดคุยอย่างค่อนข้างเป็นกันเอง “คนที่รู้จักคุณดีต่างก็รู้ว่าในวงการคุณมีชื่อเสียงในเรื่องของความขยัน”
สวีกวนกัวหัวเราะ “แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรักความชื่นชอบของแฟนเพลงที่มีให้เสมอมา บริษัทเพลงก็ให้การสนับสนุนผมเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าต้องขอบคุณอาจารย์อีจินด้วย”
“ค่ะ อาจารย์อีจินเป็นผู้เขียนเนื้อร้องของเพลง ‘ท้องนภาสีคราม’ นะคะ” เนี่ยซีอธิบายกับผู้ฟังคร่าวๆ
“เขาเป็นคนมีความสามารถมากจริงๆ ครับ” สวีกวนกัวกล่าวต่อไป “ผมรู้ว่าเพลงของอาจารย์อีจินต่อให้มีเงินมากก็ยากจะได้มา ในตอนนั้นเขาปฏิเสธบริษัทเพลง พวกเราต่างก็หมดหวังกัน” สวีกวนกัวไตร่ตรองอยู่สักครู่
“แต่ว่าก็พบทางออกท่ามกลางความสิ้นหวังนะคะ” เนี่ยซีหัวเราะ
“เพราะฉะนั้นจึงต้องขอบคุณอาจารย์อีจินเป็นอย่างสูงเลยครับ” สวีกวนกัวกล่าวด้วยความจริงใจ
จนกระทั่งตอนนี้ ซังอู๋เยียนที่อยู่ข้างนอกก็คิดขึ้นได้ว่าที่แท้อีจินเป็นคนเขียนเพลง ‘ท้องนภาสีคราม’ นี่เอง มิน่าวันนั้นอ่านเนื้อเพลง ‘เปลือกหอยลิเบีย’ ถึงได้รู้สึกว่าชื่อผู้แต่งดูคุ้นตานัก
อีจินผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ซังอู๋เยียนเคยได้ยินชื่อมาก่อน
สองปีมานี้เพลงเพลงเดียวของคนคนนี้สามารถผลักดันคนคนหนึ่งให้ดังเป็นพลุแตกได้ แต่ว่าเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบเป็นจุดสนใจแบบสุดๆ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เคยเปิดเผยตัวต่อหน้าสาธารณชนมาก่อน แล้วก็ปฏิเสธการสัมภาษณ์จากสื่อบันเทิงต่างๆ อีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอายุ รูปร่างหน้าตา ประสบการณ์ชีวิตโดยย่อ แม้กระทั่งเป็นชายหรือว่าหญิงก็เพิ่งจะเปิดเผยออกมาไม่นานนี้เอง
นี่ยังเคราะห์ดีที่มีข่าวฉาวออกมาพร้อมกันด้วย
ปีนี้มีสาวสวยคนหนึ่งประกาศลงในอินเตอร์เน็ตว่าตัวเองเป็น ‘อีจิน’ จากนั้นก็เปิดบล็อกของตัวเองต่อสาธารณะ มิหนำซ้ำยังเปิดเผย ‘เรื่องราวที่จำเป็นต้องกล่าวถึง’ ระหว่างสวีกวนกัวออกมาเป็นตุเป็นตะ
ในตอนแรก เมื่อหินก้อนกระทบจนเกิดคลื่นนับพันก็เกิดความวุ่นวายใหญ่โตขึ้นในวงการบันเทิง กระทั่งมีเว็บไซต์ทำสัมภาษณ์พิเศษเพื่อสัมภาษณ์ถึงแรงจูงใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
ฝ่ายนักข่าวถามว่า ‘ทำไมถึงได้ใช้ชื่อว่าอีจินครับ’
สาวสวยหัวเราะอย่างสงบเสงี่ยม ‘จากวันวานถึงวันนี้เป็นเรื่องราวความรักอันคลุมเครือและอบอุ่นที่เกิดขึ้นกับฉันค่ะ และจากโบราณจวบจนปัจจุบันยังเป็นการกล่อมเกลาทางวัฒนธรรมจีนที่ฉันได้รับมาตั้งแต่เด็ก แต่หลังจากไปเรียนที่ต่างประเทศหลายปีก็มีความคิดบางอย่างเข้ามาและผสมผสานกัน ฉะนั้นฉันก็เลยใช้ชื่ออีจินที่มีนัยสองชั้น’
ฝ่ายนักข่าว ‘เยี่ยมไปเลยนะครับ แค่คำสองคำง่ายๆ ก็แฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้งขนาดนี้เชียว’
สุดท้ายคนที่ออกมาล้างมลทินด้วยเรื่องจริงก็คือบริษัทของสวีกวนกัว ไม่ใช่ของฝ่ายอีจิน
‘ข่าวฉาวของเธอกับสวีกวนกัวเป็นเรื่องที่เกิดจากการปั้นแต่งขึ้นมาทั้งหมด’
‘พวกคุณมีหลักฐานอะไรคะ’
‘ความจริงแล้วง่ายมากๆ ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวปลอม เพราะว่าความจริงแล้วอีจินเป็นผู้ชายครับ’
บรรดานักข่าวพากันฮือฮา
‘ถ้าอย่างนั้นจะเชิญอีจินมาร่วมงานรับรองของนักข่าวได้ไหมคะ’ มีนักข่าวเอ่ยถาม
ผู้แถลงการณ์ผายมือออก ‘ขอโทษด้วยครับ เรื่องนี้…พวกเราไม่สามารถทำได้’
ตอนนั้นเฉิงอินวิเคราะห์พลางเอ่ยขึ้นว่า ‘ผู้ชายคนนี้เก็บเนื้อเก็บตัวจนอยู่ในระดับโรคจิตแล้วนะ’
‘เธอสิโรคจิต’ ซังอู๋เยียนขมวดคิ้ว
‘นี่ฉันกำลังชมเขาอยู่นะ’
‘เธอคิดว่ามีคนใช้คำว่าโรคจิตมาชื่นชมคนอื่นด้วยหรือไง’
‘ก็ฉันนี่ไง’