ทดลองอ่าน Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ บทที่ 2 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ

ทดลองอ่าน Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ บทที่ 2

(3)

อาทิตย์ที่สอง เพราะว่าซังอู๋เยียนเป็นหัวหน้ากลุ่มทั้งยังเคยไปโรงเรียนผู้พิการแห่งนั้นมาแล้วครั้งหนึ่งเพื่อส่งเอกสารเพิ่มเติมของนักศึกษาคนอื่นๆ เธอเพิ่งจะถึงห้องพักครูของหัวหน้าวังที่แผนกการสอนก็บังเอิญพบกับเขาซึ่งกำลังจะไปสอนพอดี

“เสี่ยวซัง เธอรอก่อนนะ หมดคาบแล้วเดี๋ยวผมมา” หัวหน้าวังกำชับ

“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ไปสอนเถอะค่ะ ฉันไม่รีบ”

หัวหน้าวังเพิ่งจะก้าวเท้าออกไป เสียงกริ่งเข้าเรียนก็ดังขึ้น ซังอู๋เยียนมองไปรอบๆ ห้องพักครูแห่งนี้สักครู่ หาหนังสือพิมพ์ได้ปึกหนึ่งก็นั่งลงบนเก้าอี้หวายทันที

อาคารเรียนเป็นสิ่งก่อสร้างสี่ชั้นสไตล์โบราณ ทางเดินของทุกๆ ชั้นคั่นอยู่ตรงใจกลางของห้องเรียนทั้งสองฝั่ง ฉะนั้นระเบียงจึงดูแคบและยาวเป็นพิเศษ มีเสียงสะท้อนได้ง่าย โดยทั่วไปเวลาเข้าเรียน ห้องเรียนส่วนใหญ่จะปิดประตูเพื่อกันไม่ให้เสียงสะท้อนถึงกัน

และห้องพักครูของหัวหน้าวังก็อยู่ที่ปลายสุดของทางเดินพอดี ห่างจากห้องเรียนค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงค่อนข้างเงียบสงบ

หนังสือพิมพ์ปึกหนานั้นเป็นเพียงหนังสือพิมพ์ประเภทข่าวการศึกษาของพรรค (คอมมิวนิสต์) ทุกระดับเท่านั้น ไม่มีลายเส้นกรอบ ไม่มีเรื่องซุบซิบ และไม่มีมุกตลก เพราะฉะนั้นไม่กี่นาทีซังอู๋เยียนก็อ่านได้รอบหนึ่งแล้ว หลังจากพลิกเปิดดูก็รู้สึกว่าเวลาที่เหลืออยู่ช่างน่าเบื่อเสียเหลือเกิน

เธอเหลือบตามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง เพิ่งจะผ่านไปได้เจ็ดหรือแปดนาทีนี่เอง จึงพาดคางเอาไว้บนโต๊ะทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก สะลึมสะลืออยากจะนอน เมื่อได้ยินเสียงอ่านหนังสือของบรรดาเด็กๆ ดังขึ้นแว่วๆ เธอก็ฟุบลงกับโต๊ะแล้วหลับตาลง

อ่านอะไรกันอยู่นะ

ดูเหมือนจะเป็น ตรอกชุดดำของหลิวอวี่ซี*

“นางแอ่นหน้าโถงหวังเซี่ยแต่เก่าก่อน โผบินร่อนสู่ครอบครัวสามัญชน”

ทันใดนั้นเสียงเปียโนท่อนหนึ่งก็แทรกขึ้นมาพร้อมกับการอ่านออกเสียงที่แจ่มชัด

แม้ซังอู๋เยียนจะเรียกได้ว่าเป็นพวกซื่อบื้อในเรื่องดนตรี แต่ก็รู้ว่าเพลงนี้คือเพลง ‘Twinkle Twinkle Little Star’ เพียงแค่ตัวโน้ตง่ายๆ สองสามตัวบรรเลงไปอย่างสบายๆ รอบหนึ่ง พอขึ้นรอบที่สองกลับกลายเป็นตัวโน้ตที่ขาดหายเป็นห้วงๆ อีกทั้งยังวนกลับไปกลับมา ซ้ำไปซ้ำมา เพียงแค่ครั้งเดียวก็ยังพอทน แต่เธอกลับได้ยินว่ามีคนเล่นอยู่อย่างนั้นถึงสามสี่รอบ อีกทั้งคนที่เล่นเปียโนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเล่นเลยสักนิด

เธอลุกขึ้นยืนอย่างอารมณ์เสีย ขยี้มือลงบนผม จากนั้นจึงมองนาฬิกาแขวนผนังเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ยังห่างไกลจากเวลาเลิกเรียนนานถึงขนาดนั้น…

ซังอู๋เยียนเดินออกมาจากห้องพักครู ก็พบว่าเสียงเปียโนดังมาจากห้องเปียโนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม แม้ว่าจะปิดประตูเอาไว้ แต่ก็ปิดไม่สนิท ฉะนั้นจึงได้มีเสียงลอดออกมาเบาๆ

เธอเกรงว่าเด็กๆ คงจะกำลังเรียนอยู่ข้างใน ก็เลยเดินไปที่ช่องประตูด้านนอกแล้วยื่นหน้าเข้าไปเงียบๆ ผลลัพธ์คือข้างในไม่เหมือนกับที่เธอจินตนาการเอาไว้นัก มีคนนั่งอยู่แค่คนเดียว

แล้วคนคนนั้นก็คือซูเนี่ยนชิน เงาร่างที่เคลื่อนไหวในสมองของซังอู๋เยียนในระยะนี้อยู่เสมอ

มือซ้ายของเขากดลงบนคีย์ มือขวาจับปากกาด้ามหนึ่งจดบางอย่างลงบนกระดานขนาดเล็ก กระดานขนาดเล็กนั้นก็มีอยู่ในห้องของหัวหน้าวังด้วยเช่นกัน เป็นกระดานอักษรเบรลล์ เขาขมวดคิ้วแน่น กดคีย์ไปด้วยพลางจดจำอักษรเบรลล์ไปด้วย ดูท่าทางของเขาแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังเตรียมการอะไรสักอย่าง ทำนองว่ากำลังครุ่นคิดว่าจะสอนเด็กๆ กลุ่มนั้นอย่างไรดี

แต่ดูเหมือนว่าจะยากเกินความสามารถไปแล้ว

ซูเนี่ยนชินกดไปได้สองคีย์ก็จรดปากกาจดอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ลูบไล้ไปบนแป้นคีย์ รู้สึกได้ในทันทีว่าไม่ถูกต้อง จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอีกครั้ง ซังอู๋เยียนเห็นเขาทำอย่างนี้ไปมาอยู่หลายครั้ง ก็เข้าใจแล้วว่าเสียงเปียโนที่น่าหงุดหงิดนั้นมีที่มาอย่างไร

เห็นแต่เพียงว่าดูเหมือนอารมณ์ดีๆ ของเขาจะค่อยๆ ลดลงจนแทบจะไม่เหลือ มือที่เขียนอักษรเบรลล์ยิ่งร้อนรนจนแทบจะทนรอไม่ได้ แล้วก็หนักมือมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งจรดปากกาแต่ละครั้งก็แทบจะกดลงไปบนกระดานนั้นอย่างแรง

ครั้งสุดท้ายในที่สุดซูเนี่ยนชินก็ระเบิดออกมา จับปลายปากกาตรงเข้ากระแทกอย่างแรงลงบนกระดานอักษรเบรลล์จนเกิดเสียงดังปึง

ซังอู๋เยียนอดไม่ได้ที่จะตกใจ รู้ได้ทันทีว่าอารมณ์ของเขาตอนนี้ต้องย่ำแย่เอามากๆ แน่ ถึงได้ใช้อารมณ์กับตัวเองขนาดนี้ ทำเอาเธออยากจะหายตัวไปในฉับพลัน เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าเธอแอบมอง กลายเป็นปลาตัวที่ถูกต้มอยู่ในคูน้ำข้างประตูเมืองตัวนั้น*

แต่ว่า…

เธอก็ยืนอยู่ตรงนั้นต่อไป

ขณะนั้นเองซูเนี่ยนชินก็ยื่นนิ้วชี้ข้างซ้ายออกมารูดผ่านแป้นคีย์อย่างรุนแรง จากขวาไปซ้าย จากนั้นก็รูดจากซ้ายไปขวา หลับตาลงทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่สองสามครั้ง นิ้วมือของเขาเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลจากที่เดิมทีแข็งกระด้างขณะที่เขาโมโห ส่วนสีหน้าก็ดูจะผ่อนคลายลงแล้ว

เมื่อเขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วงแล้ว ก็วางมือทั้งสองลงบนแป้นคีย์อีกครั้ง หยุดนิ่งอยู่สักครู่ จากนั้นก็บรรเลงเพลงเพลงหนึ่งออกมาอย่างคล่องแคล่ว เพลงเพลงนั้นค่อยๆ ช้าลงอย่างน่าประหลาด เผยสไตล์จีนเล็กน้อย ขณะนั้นเองเมื่อเขาบรรเลงออกมาด้วยเปียโนอย่างชำนาญ เพลงนี้ก็แฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่าง

เป็นเพลงที่ไพเราะมากๆ ถ้าเกิดเติมถ้อยคำที่เหมาะสมลงไป ก็อาจจะงดงามขึ้นก็เป็นได้ ขณะที่ซังอู๋เยียนกำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆ สายลมก็พัดผ่านเข้ามาที่ทางเดิน พัดประตูห้องเปียโนให้สั่นไหวอยู่สักครู่

บานพับประตูค่อนข้างเก่า จึงเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมา

ซังอู๋เยียนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงรีบดึงประตูเอาไว้อย่างรีบร้อน ไม่ให้มันแกว่งได้อีก ไม่คิดว่าซูเนี่ยนชินจะได้ยินการเคลื่อนไหวเสียแล้ว ฉะนั้นเมื่อเสียงเปียโนช้าลง เขาก็หันหน้ามาทางฝั่งที่ซังอู๋เยียนยืนอยู่ หันหน้ามาทางซังอู๋เยียนได้สักครู่ จากนั้นก็หันกลับไป

ซังอู๋เยียนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เดิมทีลมพัดประตูก็เป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา ทว่าเธอกลับตื่นตูมจนเลยเถิด เธอจึงรีบกลั้นลมหายใจเอาไว้ หยุดทุกๆ การกระทำ

ระหว่างนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงของบรรดาเด็กๆ อีกฝั่งกำลังอ่าน ‘ตรอกชุดดำ’ ดังมาจากทางเดินแว่วๆ นอกจากนั้นก็เป็นเสียงลม ลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านต้นอู๋ถงที่เหี่ยวแห้งจนเกิดเป็นเสียงแกรกๆ ทั้งยังมีเสียงสายลมหนาวหวีดหวิวที่เบียดแทรกเข้ามา

ประเดี๋ยวเดียวซูเนี่ยนชินก็เอ่ยถามขึ้นเรียบๆ “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ”

เมื่อซังอู๋เยียนถูกถามด้วยประโยคนี้ก็ทำตัวไม่ค่อยจะถูก จึงตัดสินใจตอบกลับไปว่า “ฉันเองค่ะ”

เดิมทีก็เป็นแค่ประโยคคำตอบที่คนจีนหมื่นล้านคนใช้บ่อยที่สุดเท่านั้น แต่ว่าซูเนี่ยนชินกลับรู้สึกราวกับว่าเสียงของเธอประทับอยู่ในความทรงจำอย่างลึกซึ้ง จึงขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น

“คุณคือซัง…”

เขาชะงักเล็กน้อย ซังอู๋เยียนก็รีบพูดต่อให้ด้วยความเบิกบานใจ “อู๋เยียน ซังอู๋เยียนค่ะ”

“คุณมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ” ซูเนี่ยนชินเอ่ยถามช้าๆ

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาดีขึ้นจากที่โกรธเกรี้ยวอยู่คนเดียวเมื่อสักครู่นี้มากแล้ว ซังอู๋เยียนก็ยืดเอวและหลังให้ตรงพลางเอ่ยถาม “ฉันได้ยินเสียงเพลงเพราะๆ จากห้องพักครูฝั่งตรงกันข้ามก็เลยเดินมาดูน่ะค่ะ”

“งั้นตอนนี้ผมก็เล่นจบแล้ว”

“คะ?” เธอไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขาไปชั่วขณะ

“คุณไปได้แล้ว” เขาเอ่ยจบก็เบือนหน้าหนีไป แล้วหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง

ซังอู๋เยียนมึนงง เมื่อเผชิญหน้ากับการไล่แขกที่ตรงไปตรงมาอย่างนี้เข้าก็ค่อนข้างอึดอัดใจ จึงยืนเหม่ออยู่ที่เดิม แต่ไม่คิดว่าซูเนี่ยนชินจะไม่ให้โอกาสเธอครุ่นคิด ก็กำชับขึ้นอีกครั้งโดยที่ไม่ได้หันหน้ามา

“รบกวนคุณปิดประตูให้ด้วย”

ซังอู๋เยียนปิดประตูอย่างงกๆ เงิ่นๆ หันหลังและเดินกลับไปยังห้องพักครู การกระทำในลักษณะเดียวกันสำเร็จไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติโดยที่ไม่อาจควบคุมได้ จนกระทั่งครึ่งนาทีผ่านไป เสียงกริ่งเลิกเรียนก็ดังขึ้น เธอถึงได้สติกลับคืนมา กล่าวขึ้นอย่างฉุนเฉียวในทันใด

“หยิ่งอะไรนักยะ!” กล่าวจบก็ยังยกขาขึ้นถีบเก้าอี้ของหัวหน้าวังอย่างแรงเพื่อระบายความโกรธ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Crush รักอีกครั้งก็ยังเป็นเธอ

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 3

บทที่ 3 ความผิดพลาด+ใต้แสงจันทร์ แม้สิ่งที่ไทเฮากล่าวจะเป็นประโยคคำถาม แต่ซูโม่อี้ก็รู้ว่านางไม่ได้มีความตั้งใจจะถามเขาเ...

community.jamsai.com