บทที่ 1 ตัวท็อปแห่งถนนตั้วลั่ว
ไม่ง่ายเลยกว่าเวินอี่ฝานจะได้หยุดพักผ่อนสักที คืนนี้เธอเลยเลือกดูหนังสยองขวัญเสียจนดึกดื่น
ดนตรีประกอบและเสียงกรีดร้องในหนังทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ทุกฉากดูจืดชืดราวกับน้ำเปล่า ไม่มีฉากใดที่ทำให้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเลยสักนิด ที่เธอฝืนดูจนจบได้ เพราะรู้สึกไม่อยากให้มันค้างคา
พอคำว่าจบบริบูรณ์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เวินอี่ฝานถึงกับรู้สึกเหมือนหลุดพ้น ความง่วงงุนเข้าครอบงำ ขณะที่เธอดำดิ่งเข้าสู่โลกแห่งความฝัน ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกตบอย่างแรงทีหนึ่ง
เสียงดังปัง!…
เวินอี่ฝานสะดุ้งลืมตาตื่นในทันที แสงจันทร์ส่องลอดเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านตรงหน้าต่าง
เธอมองไปยังประตู ได้ยินเสียงพึมพำของชายหนุ่มที่กำลังเมามาย รวมถึงเสียงฝีเท้าที่เดินโซซัดโซเซไปอีกทาง
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเปิดและปิดประตูซึ่งกลบเสียงการเคลื่อนไหวอื่นแทบจะทั้งหมด
เธอจ้องอยู่ที่ประตูอีกหลายวินาทีจนกระทั่งเสียงเงียบสนิท ถึงได้ผ่อนคลายความตึงเครียดลง
เวินอี่ฝานเม้มปาก แล้วอารมณ์เดือดพล่านก็ตามมา
อาทิตย์นี้มันครั้งที่เท่าไหร่กันแล้ว!
พอความง่วงงุนถูกขัดจังหวะ เวินอี่ฝานก็ไม่สามารถนอนหลับต่อได้อีก เธอพลิกตัวไปมา ลองหลับตาอีกครั้ง เบนความสนใจไปนึกถึงหนังที่ดูเมื่อครู่อย่างเซ็งๆ
เอ๊ะ
เหมือนจะเป็นหนังผีไม่ใช่เหรอ
หรือว่าจะเป็นหนังผีที่ลงทุนน้อย คงนึกว่าจะทำให้คนขนหัวลุกได้สินะ
ขณะสะลึมสะลือก็มีภาพใบหน้าผีในหนังผุดขึ้นมาในความคิดของเวินอี่ฝานอย่างประหลาด
หลังจากผ่านไปสามวินาทีเธอก็ลุกขึ้นในทันใดแล้วเปิดโคมไฟตรงหัวเตียง
เวลาผ่านไปจนเลยเที่ยงคืน เวินอี่ฝานหลับไม่ค่อยสนิทนัก ในขณะครึ่งหลับครึ่งตื่นเธอมักจะรู้สึกว่าใบหน้าผีอาบเลือดกำลังจ้องเธออยู่จากด้านข้าง จนกระทั่งฟ้าสางเธอจึงฝืนหลับลงไปได้
เวินอี่ฝานสะดุ้งตื่นด้วยเสียงเรียกเข้าจากมือถือ
เพราะนอนดึกและนอนหลับไม่เต็มอิ่มจึงรู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงศีรษะจนเจ็บจี๊ด เธอรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่บ้าง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาอย่างเชื่องช้าแล้วกดรับสาย
เสียงเนิบทุ้มของจงซือเฉียวเพื่อนรักสมัยเรียนดังมาจากปลายสาย
“เดี๋ยวฉันค่อยโทรกลับไปหาเธอนะ”
“…”
เวินอี่ฝานหนังตากระตุก สมองหยุดทำงานไปสองวินาที
อยู่ดีๆ ก็โทรมาปลุกนี่ก็ถือว่าแย่อยู่แล้วนะ ไม่คิดเลยว่าจะมาแค่ตัวอย่างหนัง ไม่ได้มาทั้งเรื่อง
ความง่วงเหงาหาวนอนระเบิดโพลงออกมาเป็นคำพูดในชั่วพริบตา “เธอตั้งใจจะ…” ทว่ายังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว
เวินอี่ฝานคล้ายชกลงบนฝ้ายเธอลืมตาขึ้นโดยพลันแล้วถอนใจอย่างหงุดหงิด นอนอยู่บนเตียงอีกสักพักก็หยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาแวบหนึ่ง
เกือบบ่ายสองโมงแล้ว
เธอจึงไม่นอนขี้เกียจอีกต่อไป คว้าเสื้อคลุมมาแล้วลุกขึ้นจากเตียง