ท่าทางเขาดูเย็นชา เพิ่มความกดดันขึ้นอีกหลายส่วน ตัวเขาแฝงไปด้วยกลิ่นหอมจากไม้จันทน์อ่อนๆ ที่คล้ายมีคล้ายไม่มี
หน้าตาเขาดูเฉยเมย เอ่ยอย่างไม่จริงใจ ‘ขอโทษครับคุณครู ผมมาสายครับ’
‘พวกเธอสองคนเข้ามาก่อนเถอะ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นจ้ะ’ คุณครูประจำชั้นชี้ที่นั่งที่ยังว่างอยู่สองที่ แล้วก็ถือโอกาสถาม ‘ทำไมถึงมาสายตั้งแต่วันแรกเลยล่ะ พวกเธอสองคนมาด้วยกันเหรอ’
ตำแหน่งที่คุณครูประจำชั้นชี้เป็นแถวสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุด
ตำแหน่งที่นั่งสองที่เรียงติดกัน
เวินอี่ฝานตอบคำถามไปตามจริง ‘ไม่ได้มาด้วยกันค่ะ พอดีที่บ้านหนูมีธุระอื่นในช่วงเช้า เลยมาส่งหนูช้าไปหน่อย บวกกับที่หนูไม่ค่อยรู้จักทาง ดังนั้นหนูจึงมาสายค่ะ’
‘เป็นอย่างนี้นี่เอง’ คุณครูประจำชั้นพยักหน้าแล้วมองไปทางซังเหยียน ‘แล้วเธอล่ะ’
‘พ่อผมไม่รู้ว่าผมขึ้น ม.สี่ แล้วอะครับ’ ซังเหยียนเดินเข้าไปยังที่นั่งที่อยู่ด้านนอก วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ แล้วพูดอย่างเหนื่อยหน่าย ‘ถึงได้ส่งผมไปทางฝั่งโรงเรียนมัธยมต้นครับ’
‘…’
บรรยากาศเงียบกริบทั้งห้อง แต่ในชั่วพริบตาก็ถูกปกคลุมด้วยเสียงหัวเราะเฮฮา ห้องเรียนที่เงียบเชียบดูครึกครื้นขึ้นมาในทันใด
เวินอี่ฝานก็ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น
‘งั้นวันหลังตอนคุณพ่อส่งเธอมาโรงเรียนก็เตือนท่านหน่อยแล้วกัน’ คุณครูประจำชั้นเลยหัวเราะตามไปด้วย ‘พอได้แล้ว พวกเธอสองคนนั่งลงเถอะ’
ซังเหยียนพยักหน้าพลางรับคำ เลื่อนเก้าอี้ออกมา ขณะที่เขากำลังจะนั่งลงจู่ๆ ก็สังเกตเห็นเวินอี่ฝานที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เขาชะงักไปทันที ‘เธอจะนั่งด้านนอกหรือด้านใน’
ทั้งสองคนสบตากัน
เวินอี่ฝานรีบหุบยิ้มโดยพลัน เอ่ยอย่างลังเล ‘ด้านในแล้วกัน’
พื้นที่ในห้องเรียนไม่กว้างนัก โต๊ะเรียนแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม ทุกกลุ่มจะประกอบด้วยเจ็ดแถวในแนวตั้งและสองแถวในแนวนอน แถวหลังสุดไม่เหลือพื้นที่สักเท่าไหร่ เก้าอี้จึงเบียดกับผนัง ถ้าจะเข้าไปด้านในต้องให้คนที่อยู่ด้านนอกลุกขึ้นก่อน
ซังเหยียนไม่ได้พูดอะไรอีก ลุกเดินออกมาด้านนอกก้าวหนึ่งเพื่อหลีกทางให้เธอ
คุณครูประจำชั้นที่ยืนบนแท่นก็เริ่มบรรยาย ‘ครูขอแนะนำตัวเองอีกรอบแล้วกัน ครูจะเป็นคุณครูประจำชั้นของพวกเธอไปหนึ่งปี และเป็นครูสอนวิชาเคมีด้วยจ้ะ’ เธอพูดไปพลางเคาะที่กระดานดำ ‘นี่คือชื่อของครู’
บนกระดานดำมีตัวอักษรสามตัวเขียนอย่างสละสลวยว่า ‘จางเหวินหง’ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์เรียงกันอยู่แถวหนึ่ง
เวินอี่ฝานหยิบกระดาษกับปากกาออกมาจากกระเป๋านักเรียน จดเอาไว้อย่างจริงจัง
ผ่านไปสักครู่จู่ๆ นักเรียนชายที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็เอนตัวมาทางด้านหลัง ข้อศอกวางอยู่บนโต๊ะของซังเหยียน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักกัน เขาหันหน้ามาเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าทะเล้น
‘แม่นางซัง ชื่อของนายเหมือนชื่อผู้หญิงจริงๆ นะ’
‘…’
เวินอี่ฝานอึ้งไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดของคุณครูตอนที่เธอเพิ่งมาถึงห้องเรียน
‘ในรายชื่อเหลือแค่เธอและซังเหยียนที่ยังมาไม่ถึง ครูดูแล้วนึกว่าชื่อนี้น่าจะเป็นชื่อผู้หญิงมากกว่า’ พอได้ยินเวินอี่ฝานก็เบนความสนใจไปยังตัวของซังเหยียน
เขามีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ต้องมานั่งในตำแหน่งที่เล็กและแคบ ขายาวเหยียดของเขายัดเข้าใต้โต๊ะไม่ได้ เหมือนโดนมัดแขนมัดขาไว้ ขาข้างหนึ่งก็เลยต้องวางไว้ด้านนอก เขาหลุบตาลงต่ำ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขายังไม่ตื่นเต็มที่และไม่ค่อยอยากมาเรียนเท่าไหร่
ซังเหยียนมองหน้านักเรียนชายคนนั้นซึ่งๆ หน้าอย่างไร้อารมณ์
‘ฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะ เมื่อกี้คุณครูเป็นคนพูด แต่พอครูพูดแบบนี้ ฉันลองมาคิดดูอีกทีก็ทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มจริงๆ อะแหละ’ นักเรียนชายพยายามกลั้นยิ้ม ‘ถ้านายเป็นผู้หญิง ฉันต้องจีบนายแน่’
ซังเหยียนกวาดตามองอีกฝ่ายทั้งบนและล่าง จากนั้นก็เอ่ยอย่างเนิบๆ ‘ซูเฮ่าอัน นายไม่สำเหนียกตัวเองบ้างเหรอ’
ซูเฮ่าอันถาม ‘อะไร’
‘ถ้าฉันเป็นผู้หญิง ฉันจะไปปิ๊งคางคกเรอะ’
‘…’ ซูเฮ่าอันทำหน้าบูดบึ้งโดยพลัน เงียบไปสามวินาที ‘นายออกไปให้พ้นเลย!’
เวินอี่ฝานเบนความสนใจไปฟังพวกเขาสองคนคุยกัน เธอก็อยากจะขำก๊ากอยู่บ้าง