จงซือเฉียวนิ่งอึ้งไป
จังหวะนั้นมือถือก็สั่นเตือนว่าแบตเตอรี่อ่อน เวินอี่ฝานจึงวางมือถือลงบนโต๊ะเพื่อชาร์จแบตฯ แล้วเข้าห้องน้ำไป เธอค่อยๆ ชะล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าออก ครั้นจ้องดวงหน้าตัวเองในกระจก จู่ๆ เธอก็ชะงักไป
เมื่อไม่นานมานี้ดวงตาที่คล้ายจะไม่คุ้นเคยคู่นั้นยังผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ
เวินอี่ฝานหลุบตาลง โยนสำลีเช็ดเครื่องสำอางลงถังขยะพลางใจลอย
ไม่ต้องพูดถึงในเวลานี้ เมื่อก่อนตอนที่พวกเขาสนิทสนมกันที่สุด เวินอี่ฝานก็ไม่ค่อยรู้จักซังเหยียนสักเท่าไหร่ ดังนั้นเธอเลยแยกไม่ค่อยออกว่าเขาแสร้งทำเป็นจำเธอไม่ได้หรือว่าเขาจำเธอไม่ได้จริงๆ
คล้ายเกมโยนเหรียญทายหัวก้อย
ไร้ร่องรอยให้ตามหา ไร้หนทางที่จะคาดเดา ทำได้เพียงพึ่งพาโชควาสนา
จากความเห็นของเธอ ความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนี้…ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น
พอเวินอี่ฝานเป่าผมจนแห้ง เธอก็เปิดคอมพิวเตอร์พิมพ์ต้นฉบับข่าวตามความเคยชินสักพัก จนกระทั่งเริ่มง่วงเธอจึงขึ้นเตียงแล้วหยิบมือถือมาจากบนโต๊ะ
หลังจากที่เธอเข้าห้องน้ำไปได้ไม่นาน จงซือเฉียวก็ส่งมาอีกหลายข้อความ
จงซือเฉียว : อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ ถึงเขาจะจำเธอไม่ได้ อย่างน้อยพวกเราก็ได้เพ้อฝันให้ตัวเองกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง
จงซือเฉียว : ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าตอนที่เธอเจอกับซังเหยียน เธอรู้สึกยังไงบ้างอะ
ตามมาด้วยรูปไอคอนซุบซิบนินทา
เวินอี่ฝานครุ่นคิดสักครู่
เวินอี่ฝาน : เขาก็หล่อจริงๆ อะนะ
จงซือเฉียว : …
จงซือเฉียว : แค่นี้เองเหรอ
เวินอี่ฝาน : อย่างอื่นฉันยังคิดไม่ออกอะ ถ้าคิดได้แล้วค่อยบอกเธอนะ
เวินอี่ฝาน : ฉันนอนก่อนล่ะ ง่วงจัง
ถ้าพูดจากใจจริงแล้ว จะว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลยนั่นก็คงโกหก แต่เธอคิดว่าไม่มีอะไรที่น่าพูดถึง ถ้าจะพูดขึ้นมาก็คงต้องลากมาเป็นโขยง สู้เอาเวลามานอนเพิ่มอีกหน่อยจะดีกว่า
เวินอี่ฝานวางมือถือไว้ด้านข้างแล้วเริ่มดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่เธอก็หลับไม่สนิทอย่างเคย
เธออยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ตลอด ถูกก่อกวนด้วยความฝันที่มีแสงสีมากมายพิลึกกึกกือ เธอรู้สึกว่าวินาทีต่อมากำลังจะหลุดพ้นอยู่แล้ว ในขณะที่เธอหลับสนิท ทันใดนั้นก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะไอ้งั่งข้างห้องมาตบประตูฉาดหนึ่ง
หญิงสาวเลิกผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่ ไฟโทสะพลุ่งพล่านไปทั่วตัว
เวินอี่ฝานเป็นคนใจเย็นอย่างที่รู้กันดี ไม่ว่าจะประสบกับเรื่องอะไร เธอก็จะแก้ไขด้วยความสงบนิ่ง น้อยครั้งมากที่หน้าตาเธอจะแสดงอารมณ์พลุ่งพล่านออกมา
ทว่าคนเราก็ต้องการช่องทางที่จะระบายอารมณ์ออกมาบ้าง
ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นจากเตียงด้วยความกระฟัดกระเฟียดอย่างที่สุด
คนที่ถูกปลุกให้สะดุ้งตื่นก็จะขาดสติเป็นธรรมดา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์อย่างเธอ ในเมื่อวินาทีต่อไปเธอก็จะหลับสนิทอยู่แล้ว
เวินอี่ฝานลองสงบจิตสงบใจตัวเองลง เธอหวังเพียงว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะทำเหมือนปกติ แค่มาเคาะไม่กี่ทีแล้วก็รีบจากไป
ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้เขากลับเหมือนโดนผีเข้าสิง เสียงเคาะประตูยังดังไม่หยุด ปากก็ยังเรอออกมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ พี่สาวคนสวย ช่วยผมหน่อยสิ ห้องผมก๊อกน้ำเสีย…ผมขอมาอาบน้ำที่ห้องพี่หน่อยสิ…”
เวินอี่ฝานหลับตาลง ลุกขึ้นไปควานหากล้องถ่ายรูปมา เธอโฟกัสตำแหน่งให้ถ่ายไปทางประตู จากนั้นก็หยิบมือถือ โทรไปที่ 110 แจ้งความโดยเล่าถึงเหตุการณ์และแจ้งที่อยู่อย่างชัดเจน
โดนก่อกวนไปมาอยู่แบบนี้ ความง่วงงุนที่หลงเหลืออยู่ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง