เวินอี่ฝานไม่อยากจะไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้แล้ว
เธอไม่อยากอยู่ในเมืองนี้ แล้วก็ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว
เธอคิดแต่เพียงว่าอยากได้จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยโดยเร็ว พอได้มาแล้วเธอก็จะออกจากเมืองนี้ทันที
ออกไปให้ไกลจากเรื่องเหล่านี้
ในช่วงเวลานั้นเวินอี่ฝานใช้ชีวิตไปอย่างเบลอๆ
เธอไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกเลย มือถือก็ปิดมาเป็นเวลานาน สิ่งที่เธอใช้เวลาทำนานที่สุดในทุกวันคือการเหม่อลอยอยู่ในมุมหนึ่ง
เวินอี่ฝานรู้สึกว่าตัวเองทำตัวแปลกมาก
ทั้งๆ ที่ช่วงก่อนเธอยังรู้สึกว่าแสงรุ่งอรุณอยู่ไม่ไกลแล้ว
ทั้งๆ ที่ช่วงก่อนเธอยังรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะดีขึ้น
ทว่าในยามนี้เธอกลับควบคุมพลังด้านลบของตนเองไม่ได้เลย
ทุกวันขณะที่เธอเอาแต่นึกถึงตอนที่เชอซิงเต๋อมาทับร่างตัวเอง ความคิดนั้นก็มักจะผุดขึ้นมา
เธอคิดอยากตายแทบทุกวัน
ช่วงอาทิตย์นั้นที่ได้รับจดหมายตอบรับ ในเมืองเป่ยอวี๋ก็ฝนตกปรอยๆ ติดต่อกันหลายวัน
วันนั้นพอเช็กการประกาศผล เฉินซีก็ดีใจเป็นที่สุด กอดเธออย่างตื่นเต้น ‘ดีจังเลย ฉันกับแฟนได้เข้าเรียนในคณะเดียวกัน แล้วพวกเรายังได้ไปเรียนมหา’ลัยเดียวกันด้วย’
ชั่วพริบตานั้นความคิดของเวินอี่ฝานก็หลุดออกมาจากความมืดมิด
จู่ๆ เธอก็นึกได้ว่าช่วงนี้เธอลืมอะไรไปบางอย่าง
เธอตกลงกับซังเหยียนว่าจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
…ทว่าเธอลืมไป
เธอเปลี่ยนมหาวิทยาลัย แล้วก็ไม่ได้บอกซังเหยียน
ขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา เวินอี่ฝานก็ยังคงสงบนิ่งมาก เหมือนเธอจะคิดว่าผลลัพธ์มันก็ควรจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่เธอจึงลุกขึ้นไปควานหามือถือในกระเป๋านักเรียนที่ช่วงนี้ไม่ได้หยิบออกมาเลย
เธอกดปุ่มเปิดเครื่อง
ข้อความที่ยังไม่ได้อ่านและสายที่ไม่ได้รับก็เด้งขึ้นมาเป็นกอง
ซังเหยียนส่งข้อความให้เธอหลายสิบข้อความ
ข้อความล่าสุดที่เขาเพิ่งส่งมาคือเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
‘ฉันจะไปหาเธอนะ’
เวินอี่ฝานจ้องข้อความนั้นอยู่นาน
เฉินซีที่อยู่ข้างๆ พบว่าเธอเหม่อลอยจึงเอ่ยขัดจังหวะเพื่อเบนความสนใจของเธอ ‘เป็นอะไรไปเหรอ’
เวินอี่ฝานเงยหน้าขึ้น ‘ฉันจะออกไปข้างนอกหน่อยนะ’
‘หา?’ นี่เป็นครั้งแรกในเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมาที่เวินอี่ฝานเอ่ยปากขอออกจากบ้านเอง เฉินซีเลยแปลกใจเล็กน้อย ‘มีอะไรเหรอ เธอจะไปไหนอะ ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ย’
เวินอี่ฝานยิ้มเล็กน้อย ‘ไม่ต้องหรอก ฉันไปหาเพื่อนคนนึงอะ’
‘โอเค’
เวินอี่ฝานลุกขึ้นเดินไปตรงทางเข้าแล้วเปิดประตูออก แล้วก็มีเสียงของเฉินซีดังตามมา
‘เอ๊ะ! จริงสิอี่ฝาน ข้างนอกฝนตกนะ เธอเอาร่มออกไปด้วยเถอะ!’
เฉินซีพูดไปพลางวิ่งเอาร่มมายัดใส่มือเธอ
เวินอี่ฝานมองไปทางเฉินซีพลางเอ่ยเบาๆ ‘ขอบคุณนะ’
‘ขอบคุณอะไรกันล่ะ!’ เฉินซียกยิ้ม ‘ไปเที่ยวกับเพื่อนให้แฮปปี้ๆ นะ’
พอได้ยินคำพูดนี้เวินอี่ฝานก็เงียบไปหลายวินาทีแล้วเอ่ยว่า ‘จ้ะ’ ก่อนจะออกจากบ้านไป